ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2561 กำลังจะย่างกรายเข้ามา ผมขอทำหน้าที่ตรวจเช็คสุขภาพของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้คุณผู้อ่านได้นำไปประกอบการตัดสินใจลงทุนช่วงปลายปีนะครับ
สุขภาพที่ว่าคือ แข็งแกร่ง ปกติ อ่อนแอ ป่วยไข้ หรือใกล้ตายเรามาดูกันครับ
ย้อนกลับไปดูตั้งแต่ต้นปีกันก่อนนะครับ ด้วยพลังสะสมมาตั้งแต่ช่วงปลายปี2560ทำให้ตลาดหุ้นไทยต้นปี 2561 แข็งแกร่งและฮึกเหิมมาก เปิดตลาดมาดัชนีก็ลอยละลิ่วจาก1,753ไปที่ 1,848 หรือบวกเกือบ100จุด ในเวลาไม่ถึงเดือน ก่อนจะมีการผ่อนบ้างตะลุยต่อบ้างในช่วง 1 เดือนต่อมา
สรุปคือช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดหุ้นไทยแข็งแกร่งมาก แต่หลังจากนั้นอีก 1 เดือนสุขภาพถือว่าปกติและเริ่มออกอาการอ่อนแรงให้เห็นในช่วงปลายเดือนมีนาคม แม้ว่าช่วงเดือนเมษายนจะพยายามทำตัวเริงร่าให้คนทั่วไปยังเห็นว่าปกติ แต่อาการภายในนั้นอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ดูได้จากแรงขายที่กระหน่ำออกมาอย่างมากในช่วงเดือนพฤษภาคม และกดดัชนีให้ไหลรูดจาก1,805จุด ลงไปที่ 1,584 จุด ในปลายเดือนมิถุนายน เป็นการลดลงอย่างหนักหน่วงถึง 221 จุดเปรียบได้กับการเข้าโรงพยาบาลรักษาตัว เมื่อออกมาแล้วจึงเริ่มตั้งหลักได้ สุขภาพกลับมาปกติอีกครั้ง แต่ก็ไม่ถือว่าแข็งแรงนัก เพราะโรคภัยไข้เจ็บจากนอกประเทศถาโถมเข้ามาเป็นระยะๆ
ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน2561เป็น 3 เดือนที่ตลาดหุ้นไทยดำเนินไปอย่างปกติสุข ไม่มีอาการป่วยไข้หนักๆ ให้เห็น มีแค่ไอ จาม ปวดหัว ตัวร้อนบ้างนิดๆ หน่อยๆ
พอเข้าสู่เดือนตุลาคมเท่านั้นแหละ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติทำเอาหุ้นไทยต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอีกรอบ เพราะดัชนีร่วงจาก1,765 จุด ลงมาที่ 1,668จุด ลดลงเกือบ100จุด ในเวลาเพียงไม่กี่วัน
ผมประเมินโรคภัยไข้เจ็บที่ส่งตรงมาจากภายนอก กับภูมิคุ้มกันภายในของประเทศไทยทั้งในเชิงเศรษฐกิจ การเมือง และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ที่น่าจะดีกว่าคาดการณ์พอสมควร จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวิ่งไกลวิ่งแรงทีเดียวหลังออกจากโรงพยาบาลรอบนี้แล้ว
เหตุผลก็คือ เม็ดเงินที่ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกนั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี ดังนั้น แม้ว่าเม็ดเงินเหล่านั้นจะมีความสงสัยสับสนกับตลาดหุ้นบ้างในบางขณะ แต่เมื่อถึงจังหวะที่หุ้นร่วงแรงๆ เพราะโรคภัยไข้เจ็บตามฤดูกาล แต่หากภูมิคุ้มกันภายในยังคงดีอยู่ ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยก็จะไม่ถึงกับอ่อนแรงจนใกล้ตาย
และหากดูจากช่วงต้นปีที่ดัชนีเคยขึ้นไปถึง 1,850 จุด กับดัชนีตอนนี้ 1,667 จุด มันห่างไกลกันถึง 183 จุด หรือต่ำกว่ากันเกือบ 10% ทั้งๆ ที่สุขภาพเศรษฐกิจ การเมือง และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนของไทย ก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรขนาดนั้น แม้ว่าทิศทางในอนาคตจะไม่ได้ดูสดใสมากมายนัก แต่ยังมีเวลาประเมินกันอีกยก ว่าจะแย่จริงจังหรือแค่วิตกกังวลกันไปเอง
ในช่วงที่รอประเมินอนาคตที่ชัดเจน ผมมองว่าในระยะนี้ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกควรจะขยับปรับตัวขึ้นให้สะท้อนความเป็นจริงเสียก่อนดังนั้น จึงเป็นโอกาสของคนที่มีเงินสดที่จะลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อหวังการปรับตัวขึ้นแรงๆ สักรอบ แล้วขายทำกำไรรอการประเมินอนาคตที่ยังไม่รู้จะหมู่หรือจ่า
ดังนั้น อย่าถามผมว่า หากจะลงทุนระยะยาวจะเข้าซื้อตรงไหนดี…ตลาดหุ้นต่อจากนี้อย่าพูดถึงการลงทุนระยะยาวดีกว่าครับ ยกเว้นการลงทุนภาคบังคับที่ต้องถือยาวอย่างกองทุน LTF หรือ RMF
ผมมองได้แค่ว่าซื้อตอนนี้ กำไรพอใจก็ขาย รอปรับตัวลงแรงๆ อีกรอบ…ผมคิดของผมแบบนี้
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณและดูกำลังทรัพย์ของตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุน
