บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์นี้ (วันที่ 20 – 24 มกราคม 2563) โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาการซื้อขายมีส่วนใหญ่จะปิดในแดนบวก โดยได้รับ Sentiment เชิงบวกจากประเด็นการลงนามข้อตกลงทางการค้า Phase I ระหว่างสหรัฐ และจีน พร้อมกับที่สหรัฐ ได้ถอดจีนออกจากรายชื่อประเทศบิดเบือนค่าเงิน ประกอบกับการเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่ออกมาในเชิงบวก อีกทั้งราคาน้ำมันที่ผ่านมาก็ปรับตัวขึ้น ทำให้มีแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและน้ำมัน
ขณะที่ด้านในประเทศก็มีSentimentเชิงบวกในกลุ่มธนาคาร หลังธนาคารแห่งประเทศไทยออกเกณฑ์ช่วยผ่อนปรนให้ธนาคารมีการตั้งสำรองลดลงสำหรับลูกหนี้ SMEs ที่มีการปรับโครงสร้างหนี้อยู่ อีกทั้งจะมีการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเริ่มจากกลุ่มแบงก์ในสัปดาห์หน้า พร้อมรอลุ้นของรัฐธรรมนูญ(รธน.)นัดวินิจฉัยข้อกล่าวหาพรรคอนาคตใหม่ในวันที่ 21 มกราคม นี้
"กิจพณ ไพรไพศาลกิจ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า ยังมองตลาดฯเป็นบวกอยู่ หลังจากที่ดัชนีฯสามารถยืนเหนือระดับ 1,600 จุดขึ้นไปได้ แต่การฟื้นตัวของดัชนีฯก็ไม่ควรต่ำกว่าแนวรับที่ 1,593 จุด พร้อมให้แนวต้าน 1,620-1,650 จุด
ขณะที่"ธนาคารกสิกรไท"ยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาท ระหว่างวันที่ 20-24 มกราคม 2563 อยู่ที่ 30.20-30.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญ น่าจะอยู่ที่การรายงานตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนธันวาคม 2562 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนธันวาคม และดัชนีราคาบ้านเดือนพฤศจิกายน
นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประเด็นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ-จีนในเฟสสอง ตลอดจนดัชนีComposite PMIสำหรับเดือนมกราคมของสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ โดยเงินบาททยอยอ่อนค่าและเคลื่อนไหวในกรอบที่ระมัดระวังมากขึ้น หลังจากที่ธปท.แสดงกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทและพร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าที่ตลาดคาด