โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

เชลซี ยึดที่ 3 สัญญาณเตือน เลสเตอร์...

Soccersuck

เผยแพร่ 07 ก.ค. 2563 เวลา 21.19 น. • Soccersuck

5 นาทีแรกเกมของ คริสตัล พาเลซ ทำให้ผมจากที่ง่วงๆต้องยอมข่มตาจัดท่านั่งให้ไม่หลับเนื่องจากมองเห็นถึงความกระหายและรังสีของคนที่อยากเอาชนะในเกมนี้ชัดมาก
ใช่ครับ หนีตกชั้นก็ไม่ต้องแล้ว (แต้มห่างโซนตกชั้น 15 แต้ม) บอลยุโรปก็ไม่ต้องพูดถึง ความเป็นอริของดาร์บี้แมทช์กับ เชลซี มันบิ้วอารมณ์ในตัวมันเองแม้ไม่มีเสียงเชียร์กระตุ้นก็ตาม
แต่หลังจากนั้นนาทีเดียวเกมถูก spoil จากเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่ออยู่ดีๆ แกรี่ เคฮิลล์ กองหลังเจ้าถิ่นที่วิ่งควบไล่ตาม วิลเลี่ยน ที่อยู่ข้างหน้าราวๆก้าวนึงเกิดแฮมสตริงกระตุก
ด้วยสัญชาตญาณ อดีตกองหลัง โบลตัน และของ เชลซี เองรีบทิ้งตัวล้มไม่ลงไปนอนทุบพื้นเจ็บอย่างทุรนทุราย
ซึ่งจังหวะนี้เอง วิลเลี่ยน จึงหลุดเดี่ยวก่อนตบบอลให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แปเหน่งๆเป็นลูก 1-0
หลังเป็นประตู มีนักเตะ พาเลซ คนนึงเข้ามาต่อว่า ประมาณว่าทำไมไม่หยุดเล่น​ อันนี้โทษ วิลเลี่ยน ไม่ได้เลยเพราะ เคฮิลล์ ล้มตอนอยู่ข้างหลังแล้วแข้งแซมบ้านี่ไม่เห็นแน่นอน 100% (เป็นเหตุผลว่าทำไมมีคนเข้ามาต่อว่าแค่คนเดียว ฮา)
คำถามคือถ้าเกิด วิลเลี่ยน เห็นล่ะ ควรหยุดไหม?
เอาจริงๆผมไม่ใช่คนแล้งน้ำใจนะ เวลาเล่นบอลผมก็เล่นสุภาพ ไม่เกเร ขอโทษขอโพยตลอด (ยกเว้นเจอพวกเกเรก่อน) แต่ถ้าถามผม จังหวะกำลังจะทำประตูแบบนี้ควรเล่นต่อครับ กินเวลาไม่เกิน 5 วินาที
การปฐมพยาบาลค่อยทำหน้าที่ของมันหลังจากนั้น
เราต้องไม่ลืมว่ายุคแรกๆของการหยุดเล่นเนื่องจากกลัวนักกีฬาได้รับอันตรายถึงชีวิต เช่นโหม่งแย่งกลางอากาศแล้วหล่นลงมานอนแน่นิ่ง อันนี้ต้องหยุดทันทีไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของสนาม
หรือการเข้าบอลที่นักกีฬาเจ็บรุนแรงเช่นขาหัก อันนี้เราดูได้จากปฏิกริยาของเพื่อนร่วมทีมและฝ่ายตรงข้ามที่จะโบกมือเรียกแพทย์ หรือกุมขมับปิดหน้าปิดตา ภาษากายมันจะบอกเองว่าความรุนแรงมีมากน้อยแค่ไหน
การเตะบอลทิ้งในสมัยก่อนจึงเป็นน้ำใจนักกีฬาและให้ความสำคัญต่อชีวิตเพื่อนร่วมอาชีพล้วนๆ
แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปเมื่อการเตะบอลทิ้งมันถูกบังคับให้ต้องเตะแบบขอไปที เตะทิ้งเพราะกลัวโดนด่า เช่นเป็นตะคริว(มาจากความไม่ฟิตของตัวเอง) หรือตัวเองบุกใส่คู่ต่อสู้พอเสียบอลก็นอนเจ็บแม่งเลย พอไม่เตะทิ้งให้ทีนี้มวยมา
ผมเคยเห็นพวกหัวหมอคือโดนเสียบจนตัวกระเด็นไปอยู่นอกเส้นข้าง (ไม่ฟาว์ล) แต่กลับมานั่งเจ็บในสนามเพื่อให้เกมหยุด แล้วประเด็นคือตัวเองเนี่ยเป็นแบ็คซ้าย บุกมาจะยิงเขาไงแต่พอกำลังโดนสวน กลิ้งหลุนๆมานอนเจ็บข้างในดีกว่า เกมหยุดกันไปครับ ส่วนตัวเองก็ลุกขึ้นมาต่อสบายๆ
มีอีกคนครับ นักเตะขาประจำ (ที่ตอนนี้เลิกเล่นไปแล้ว) ทำบ่อยครับ ผมไม่ขอเอ่ยชื่อแต่บอกได้แค่ว่าตัวใหญ่มาก เวลาเจ็บเขาจะเจ็บแบบเหมือนถูกน้ำร้อนราดหลัง ดิ้นเป็นกุ้ง แม้กระทั่งชักกระตุกสั่นงั่กๆๆๆก็เคยมาแล้ว แต่พอได้กินน้ำซักอึกนึงก็ลุกขึ้นมาเล่นสบายๆ เป็นแบบนี้บ่อยมาก จนหลายคนรู้ว่าเจ็บไม่จริง เจ็บแบบมีงาน
จังหวะของ แกรี่ เคฮิลล์ ทำให้ผมนึกถึง เปาโล ดิคานิโอ สมัยเล่นให้ เวสต์แฮม เมื่อปี 2000 ที่เจ้าตัวตัดสินใจคว้าบอลกลางอากาศเพื่อให้ดูอาการของ พอล เจอร์ราร์ด ผู้รักษาประตู เอฟเวอร์ตัน
อันนี้พอเข้าใจได้และคิดว่าควรหยุดเกมครับเพราะผู้รักษาประตูเจ็บ แต่ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ กุนซือ “ขุนค้อน” ด่ายับเพราะตอนนั้นนาที 85 ส่วนทีมก็หนีตายต้องการแต้ม (เสมอกัน 1-1)
สุดท้ายผมก็คงขอสรุปเหมือน guard of honour คือถ้าเปิดตัวทำกันทั่วโลกแล้วก็ทำต่อไปครับจะเสรแสร้งแกล้งเจ็บอะไรก็คงไม่สามารถล้มเลิกธรรมเนียมรายปีตรงนี้ได้ เป็นประเด็นที่ผมหยิบยกมาให้คิดกันเล่นๆ
ในส่วนของเกม เชลซี ทำท่าจะเล่นแบบถนอมตัวสบายๆตอนสกอร์ขาด 2-0 หลังผ่านไป 27 นาทีแต่ลูกยิงไกล 30 หลาของ วิลเฟร็ด ซาฮา ปลุกทุกอย่างให้กลับมา ยุ่งแค่ไหนต้องลองหาลูกนี้มาดูให้ได้ครับ ยิงสวยบาดตาเหลือเกิน (จุดเริ่มต้นมาจาก รีซ เจมส์ แบ็คทีมเยือนจ่ายบอลพลาดจนถูกตัด)
แล้วที่น่าตลกคือครึ่งหลังบอลเหมือนจะไม่ยิงกันแล้วทั้งๆที่เกมก็เปิด จนพอถึงนาที 71 เชลซีมาฉีก 3-1 จาก แทมมี่ ที่แฟน “สิงห์บลู” ร้องยี้แต่นาทีเดียว เบนเตเก้ ก็มาเอาคืนทันที 3-2
จากการโดนยิงง่ายแบบนี้ “แนวรับ” คืออีกปัญหาใหญ่ที่ แฟร็งค์ แลมพาร์ด คงต้องรีบแก้ไขในฤดูกาลหน้านะครับ และถือว่าโชคยังช่วยจากทดเจ็บโดนเสาไปหนนึงแล้ว เบนเตเก้ หลุดเดี่ยวไปอีกทีนึง(ก่อน ซูม่า ช่วยชีวิต)
หลังสิ้นสุดเกมแฟนเชลซี(ของไทย) ต่างยกนิ้วให้ทั้ง เจมส์ และ คริสเตนเซ่น กันเป็นแถวแต่จะนิ้วไหนอันนี้เดาไม่ยาก
ยิ่งฤดูกาลหน้าได้ตัวรุกบุกแหลกมาเพิ่มไม่ว่าจะ ติโม แวร์เนอร์ และ ซีเย็ค speed บอลมาเต็มก็จะยิ่งทำให้บาลานซ์ไม่สมดุลเข้าไปอีกหากยังใช้ชุดเดิม
มันเป็นธรรมชาติเลยครับที่ทีมไหนเกมรุกดีๆ เกมรับจะโดนง่าย ส่วนพวกเกมรับแน่นๆเกมรุกก็จะยิงชาวบ้านลำบากหน่อย
ถ้าสมดุลทั้งรุกทั้งรับมันก็จะเป็นโคตรทีมลุ้นแชมป์ดีๆนี่เอง ซึ่งหลายๆสโมสรเพียรพยายามสร้างบาลานซ์ที่ว่านี้กันทั้งนั้น เพียงแค่ว่ามันไม่ง่ายนี่สิครับ
แม้ 3 แต้มที่ได้มาจากก่นด่าแต่ก็เพียงพอครับที่ทำให้ทีมของ แฟร็งค์ แลมพาร์ด ขึ้นมาอยู่ที่ 3 เนื่องจาก เลสเตอร์ ซึ่งเตะเป็นคู่สุดท้ายเอาตัวไม่รอดออกมาจาก เอมิเรสต์ สเตเดียม
ใครนั่งดูคู่ อาร์เซนอล กับ “จิ้งจอก” ได้เห็นสิ่งแปลกตาไปคือ มิเกล อาร์เตต้า หันมาใช้หลัง 3 ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาตามสภาพหลังแนวรับเป็นจุดอ่อนสำคัญรวมถึง ดาวิด ลุยซ์ ที่ฟอร์มหลุดไปไกล
ท่ามกลางฝนที่ตกมาอย่างหนักผมว่า “ปืนใหญ่” เล่นดีผิดหูผิดตาไปมาก ดุดัน ทำเกมต่อบอลไหลลื่น และได้จบสกอร์เป็นเนื้อเป็นหนังจนนี่อาจจะเป็นหนึ่งในนัดที่ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล โชว์ฟอร์มเซฟสวยๆมากที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ
เพราะแกนี่แหละครับที่ทำให้ เลสเตอร์ ยังอยู่ในเกมกับสกอร์ 1-0 ได้นานสองนานถึง 70 กว่านาทีจนมาเกิดจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกมที่ดีที่สุดของ อาร์เซนอล ต้องจบลงด้วยผลเสมอ
“จุดเปลี่ยน” ที่ว่าคือมีจังหวะเหตุการณ์ไม่ค่อยงามเท่าไหร่เมื่อ เอ็นเคเตียห์ ตัวสำรองลงมาโดนบอลหนแรกก็ใบแดงทันที ใครที่เห็นต้องบอกเลยครับว่าน่าเกลียดมาก เรียกว่าอยู่ในสนามทั้งสิ้น 4 นาที (71-75)
ใบแดงนี้ทำให้ “ปืนใหญ่” เป็นทีมที่ถูกไล่ออกมาที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ไปอีกด้วย (5 ครั้ง)
พอ 10 ตัวทีนี้ เลสเตอร์ ก็โหมบุกได้ใจเลยครับจนมาตีเสมอได้ก่อนหมดเวลา 5 นาที
สำหรับ เลสเตอร์ แม้ไม่ได้ 3 แต้มแต่ 1 แต้มก็ถือว่า protect top 4 ไปได้อีกเฮือก (ห่างที่ 5 อยู่ 4 แต้ม) แต่ถ้าในระยะยาวแล้วอาจไม่ใช่ข่าวดีนักเพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า 4 นัดที่เหลือลูกทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มี 2 เกมหนักกับ สเปอร์ส และ แมนฯยูฯ รออยู่รวมถึงถ้าฟอร์มแบบนี้ยังไม่รู้จะลงเอยกับ เชฟฯยูฯ ยังไงและยังมีไปเยือน บอร์นมัธ ที่พร้อมพลีชีพหนีตายเฮือกสุดท้าย
แฟน “ปีศาจแดง” อาจจะผิดหวังกับการอดนอนเพื่อรอแช่งทั้ง เชลซี และ เลสเตอร์ และจะกลายเป็นผู้ถูกแช่งคืนบ้างเมื่อมีคิวเยือน แอสตัน วิลล่า ในวันพฤหัสนี้
ผมเชื่อว่า โอเล่ กุนนาร์​​ โซลชา ไม่ได้แค่อยากได้ 3 แต้มจากเกมนี้ครับ “ประตู” ยิ่งกดเยอะๆได้ยิ่งดีเนื่องจากประตูได้เสียตามหลัง “จิ้งจอก” อยู่เยอะถึง 9 ลูก (แต่มากว่า เชลซี 6 ลูก)
ในเมื่อยังไม่มีใครบอกได้ว่าจะต้องไปวัดประตูได้เสียกับทีมไหนหรือต้องเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ ผมว่าถ้าคิดจะตุนก็ต้องนัดนี้ครับ เหตุผลคือ วิลล่า ต้องการชัยชนะไม่แพ้กันไม่เช่นนั้นตกชั้นไปครึ่งตัวแน่ๆและใช่ครับจะมาตั้งรับแบบไม่ลืมหูลืมตามันใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ในตอนนี้อีกแล้ว
อีกจุดนึงที่สบายใจได้ในฐานะแฟน “หงส์” ที่ผ่าน วิลล่า มาได้เมื่อวันอาทิตย์ (ชนิดเกือบตาย) คือเกมรุกของ ดีน สมิธ ห่วยแตกมากครับ ไม่ค่อยละเอียดไร้ความเฉียบขาด ถ้าไม่เหวอกันเองหรือโดนจัด “ดาก” คงเก็บ “คลีนชีต” ได้
แต่ถ้าทีมนี้ตั้งใจเล่น “เกมรับ” อันนี้ไม่กล้าฟันธงใดๆเลยครับ…

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0