โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เชฟไปแต่ฟอร์ดยังอยู่ค่ะ จัด RANGER ตะลุยเส้นทางขึ้นเขา ฟุ้ง! เราไม่หนีไปไหน

ไทยรัฐออนไลน์ - Auto

อัพเดต 21 ก.พ. 2563 เวลา 03.55 น. • เผยแพร่ 21 ก.พ. 2563 เวลา 03.00 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญสำหรับนักเดินทางสายบุญ เพราะเป็นที่ประดิษฐานของ ‘รอยพระพุทธบาทพลวง’ หรือ ‘รอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ’ บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร เป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเปิดให้ผู้มีจิตศรัทธานับล้านคนได้เดินทางมาสักการะเพียงปีละ 2 สองเดือนเท่านั้น โดยในปี 2563 ประเพณี ‘นมัสการรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชฌกูฏ’ ซึ่งเป็นช่วงที่เขาคิชฌกูฏเปิดให้ผู้แสวงบุญจากทั่วสารทิศขึ้นเขาไปนมัสการรอยพระพุทธบาท จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มกราคม ถึง 24 มีนาคม 

พุทธศาสนิกชนเชื่อว่าการได้นมัสการรอยพระพุทธบาท เปรียบได้กับการเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ และจะได้รับกุศลอันยิ่งใหญ่ ผู้คนจำนวนมหาศาลจึงรอคอยโอกาสสักครั้งในชีวิตที่จะได้เดินทางมานมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏ แม้การเดินทางจะยากลำบากเพราะต้องนั่งรถโดยสารขึ้นไปบนยอดเขาและเดินเท้าเบียดเสียดผู้คนมากมายขึ้นเขาไปอีกราว 1.2 กิโลเมตร

การเดินทางขึ้นเขาคิชฌกูฏขึ้นชื่อว่าเป็นเส้นทางทรหด แม้จะมีการปรับปรุงเส้นทางให้นำรถขึ้นเขาได้แล้ว แต่สภาพถนนที่ตัดผ่านภูเขายังเป็นทางลูกรังที่ขรุขระ สูงชัน และคดเคี้ยวมาก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร การขับรถขึ้นลงเขาในช่วงประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทจึงมีความท้าทาย เพราะมีรถจำนวนมากวิ่งสวนกันตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ขับขี่ต้องมีทักษะและความชำนาญในการขับรถบนเส้นทางลาดชันและคดเคี้ยว เพื่อพาผู้มีจิตศรัทธาเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาด้วยความปลอดภัย

อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ มีบริการรถรับส่งที่ขับโดยคนในพื้นที่ที่ชำนาญเส้นทาง บรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 12 ถึง 15 คนต่อรถหนึ่งคัน ผลัดเปลี่ยนกันให้บริการขึ้น-ลงเขาต่อเนื่อง ทำงานคนละไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง เพื่อให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงงานประเพณี

นอกจากผู้ขับขี่ที่มีทักษะดีแล้ว ยานพาหนะที่ใช้ยังจำเป็นต้องมีประสิทธิภาพมากพอในการตะกายขึ้นไปสู่ยอดเขา Ford Motor Thailand เชิญผู้ขับที่มีประสบการณ์การขับรถรับส่งผู้โดยสารบนเขาคิชฌกูฏมายาวนาน ร่วมขับทดสอบพิสูจน์สมรรถนะของรถกระบะพันธุ์แกร่ง Ranger โดยเลือกใช้รุ่นสแตนดาร์ดแค็บ XL 4x4 เพื่อทดสอบความสามารถในการขับบนเขาสูงชันกว่า 45 องศา และความสามารถในการบรรทุก โดยได้จำลองการบรรทุกน้ำหนัก 1.1 ตัน หรือเทียบเท่ากับน้ำหนักของผู้โดยสาร 12-15 คน

“ครั้งแรกที่เห็นรถฟอร์ด เรนเจอร์ ตอนเดียวคันนี้ รู้สึกว่าสวย ถูกใจ อยากลองขับดู พอได้ลองขับแล้วรู้สึกว่า เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร มีกำลังดีเกินความคาดหมาย ช่วงล่างดี เมื่อขนของหนักเข้าโค้งก็นิ่ง ไม่เหวี่ยง พวงมาลัยมีน้ำหนักกำลังดี ไม่หนักเกินไป ทำให้ไม่เหนื่อยเวลาขับ ถ้าขับสิบสองชั่วโมงต่อกันก็เอาอยู่ ถือว่าแกร่งสมชื่อ สมคำเล่าลือ” นายศุภกร เป็นสุข คนขับรถรับส่งผู้มีประสบการณ์ขับรถขึ้นเขาคิชฌกูฏ กว่า 8 ปี กล่าว

ในการทดสอบ Ford Ranger สามารถรักษาความเร็วในการขับขึ้นเขาได้อย่างต่อเนื่อง เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร มีกำลังสูงสุด 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร ช่วยให้ขึ้นเขาสูงชันได้อย่างสบาย แม้จะบรรทุกน้ำหนักเต็มพิกัด พวงมาลัยพาวเวอร์แบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า เบาและแม่นยำ ทำให้ผู้ขับไม่เหนื่อยล้าแม้ต้องขับรถติดต่อกันยาวนานหลายชั่วโมง ช่วงล่างแบบลิมิเต็ดสลิปพร้อมแผ่นกันกระแทกยังสามารถรับมือกับทางขรุขระได้ดี ช่วยให้ทรงตัวดีเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วและเกาะถนนดี ให้ความรู้สึกปลอดภัยทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นทางลูกรังเป็นหลุมเป็นบ่อ โค้งหักศอก หรือช่วงที่ถนนลื่น

Ford Ranger Standard Cab XL 4x4 รองรับงานหนัก โครงสร้างแชสซีแข็งแกร่งรับน้ำหนักได้ 1.1 ตัน บรรทุกเต็มที่ด้วยกระบะลึก 511 มม. ระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมั่นใจ เช่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก EBD เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ 3 จุด ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและระบบเชื่อมต่อบลูทูธ

Ford Ranger Standard Cab XL 4x4 มีสมรรถนะดี เหมาะกับการใช้งานหนัก เช่น บรรทุกสัมภาระหรือขับขึ้นทางลาดชัน ช่วงล่างสมบุกสมบันออกแบบให้มีความคงทนใช้บนเส้นทางวิบากได้ดี 
เครื่องยนต์
–เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร TDCi พร้อม VG Turbo Intercooler กำลังสูงสุด 160 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร

ภายนอก
กระจังหน้า มือจับประตู และกระจกมองข้างสีดำ
กันชนหน้าโฉมใหม่และสีเดียวกับตัวรถ (เฉพาะรุ่นโอเพนแค็บและดับเบิลแค็บ)
บันไดข้าง (เฉพาะรุ่น XL+)
กระจกมองข้างแบบปรับไฟฟ้า (เฉพาะรุ่นโอเพนแค็บและดับเบิลแค็บ)

ล้อและยาง
ล้อกระทะเหล็ก 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/70 R16
ล้อกระทะเหล็ก 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/70 R16 (เฉพาะรุ่น 4×4)
ล้ออัลลอย 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/70 R16 (เฉพาะรุ่น XL+)

ภายในและความสะดวกสบาย
พวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
หน้าต่างปรับไฟฟ้า พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบสัมผัสเดียวด้านคนขับ (เฉพาะรุ่นโอเพนแค็บและดับเบิลแค็บ)
ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร
ระบบปรับอากาศ
เซ็นทรัลล็อก
ช่องต่อไฟ 12V

เครื่องเสียง
วิทยุพร้อมช่องต่อ AUX และ USB
ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth

ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
จุดยึดสำหรับเบาะนั่งเด็ก ISOFIX (เฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ)
เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (เฉพาะรุ่น 4×4)

Ford Ranger Standard Cab ราคา

Ford Ranger Standard Chassis Cab 2.2L XL 6MT ราคา 528,000 บาท
Ford Ranger Standard Cab 2.2L XL 6MT ราคา 559,000 บาท
Ford Ranger Standard Cab 2.2L XL 4×4 6MT ราคา 649,000 บาท 
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-5253692475053

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0