จากกรณีที่ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ชาวอำเภอวังสะพุง จ.เลย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.นาด้วง เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 61 ว่าถูกเจ้าอาวาสวัดดัง ในพื้นที่ ต.นาดอกคำ อ.นาด้วง จ.เลย ข่มขืนขณะเข้าปฏิบัติธรรม ต่อมามีหญิงผู้เสียหายอีก 3 คน เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่าถูกพระรูปเดียวกันลวนลาม ล่วงละเมิดทางเพศขณะเข้าไปเที่ยววัด โดยบอกว่ามีสิ่งไม่ดีอยู่ในตัว ต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์ไล่คุณไสย ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น (อ่าน : เหยื่อเจ้าอาวาสหื่น โผล่อื้อ! แฉลวงสาวเข้าถ้ำ อ้างไล่เสนียด ก่อนทำอนาจาร)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกับกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ได้เข้าพบ ร.ต.อ.ศรัณยพัชร์ ศรีอิ่นแก้ว พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลรายงานต่อผู้บังคับบัญชา โดยทางพนักงานสอบสวนได้สรุปผลการสอบสวนรายงานตำรวจภูธรภาค 4 ตั้งข้อกล่าวหาแก่พระรูปดังกล่าวว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้นั้นไม่สามารถอยู่ในภาวะขัดขืนได้” ซึ่งผู้ต้องหาได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนไปเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 61 แล้ว
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. ได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าว แต่ไม่มีผู้ใดอยู่ในวัด มีเพียงสุนัขออกมาเห่าขับไล่ ส่วนที่บริเวณปากถ้ำก็ปิดสนิท เจ้าหน้าที่จึงเดินทางกลับ โดยระบุว่า คดีนี้ที่เป็นที่สนใจของประชาชน ปคม. มีอำนาจหน้าที่ต้องสืบสวนว่าผู้ต้องหามีความเกี่ยวข้องกับการทำความผิดอาชญากรรมด้านอื่น ๆ อีกหรือไม่ ซี่งข้อมูลที่ได้จะนำไปปรายงานต่อผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ด้านพระผู้ถูกกล่าวหา ได้เปิดเผยชี้แจงแก่ผู้สื่อข่าวในช่วงเช้าวันนี้ว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนในขณะนี้ถือเป็นเวรกรรมเก่า ขอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวหา ผู้กล่าวหามีเจตนาที่จะทำลายพระพุทธศาสนาพร้อมลาสิกขาออกไปสู้คดี พิสูจน์ความบริสุทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม