โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เจ้าหน้าที่ป่าไม้ปักป้ายห้ามคนเข้า ฟาร์มปารีณาผิดกฎหมาย

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 05 ธ.ค. 2562 เวลา 22.25 น. • เผยแพร่ 05 ธ.ค. 2562 เวลา 22.01 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

แจ้งจับส.ส.สาวคนเดียว บก.ปทส.ขออำนาจสอบ ส่วน ‘ทวี’ เจอคดีที่สวนผึ้ง

เจ้าหน้าที่ป่าไม้นำป้ายประกาศตรวจยึดพื้นที่ฟาร์มไก่ “เขาสนฟาร์ม” ของ “ปารีณา” ไปติดตั้งแล้วโดยนำไปติดทั้งหมด 4 จุด เพื่อให้รู้ว่าที่ดินทำผิดกฎหมาย ห้ามเข้าไปในพื้นที่ ส่วนการดำเนินคดียืนยันดำเนินคดีกับ “ปารีณา” เพียงคนเดียว ส่วน “ทวี” ผู้พ่อไม่ได้ถูกดำเนินคดี ส่วนคดีที่ “ทวี” บุกรุกที่ “ลุงเสี้ยว” ถูกแจ้งความแล้ว หลังป่าไม้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบที่ทำกินถูกฮุบจริง

ภายหลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ลงพื้นที่สำรวจบริเวณ ฟาร์มไก่ “เขาสนฟาร์ม” ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ และพบว่าพื้นที่บริเวณฟาร์มไก่บุกรุกพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จำนวนเนื้อที่ 41-1-59 ไร่ และป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 จำนวนเนื้อที่ 4-3-81 ไร่ รวมจำนวนเนื้อที่ 46-1-40 ไร่ และได้แจ้งความกับ บก.ปทส.เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณาแล้วนั้น

ต่อมาเวลา 14.00 น. วันที่ 5 ธ.ค. นายสุชาติ บัวบาง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ศูนย์ป่าไม้ราชบุรี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) นายวัชระ ละอออ่อน หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.1 จอมบึง นำเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าติดตั้งป้ายในบริเวณฟาร์มไก่ที่ถูกดำเนินคดีเพื่อประกาศให้เป็นพื้นที่ที่ถูกตรวจยึดโดยบริเวณดังกล่าวมีโรงเรือนที่เคยใช้เป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ จำนวน 5 โรงเรือน ห้ามผู้ใดเข้าทำกิจการในบริเวณนี้

ข้อความในป้ายเขียนว่า “พื้นที่ตรวจยึดบริเวณนี้ปรากฏการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า เข้ายึดถือและครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตและความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ฐานเข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง เผาป่า ทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขต ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จำนวนเนื้อที่ 41-1-59 ไร่”

ข้อความระบุอีกว่า “และป่าตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 จำนวนเนื้อที่ 4-3-81 ไร่ รวมจำนวนเนื้อที่ 46-1-40 ไร่ ตาม ปจว.ข้อ 4 ลงวันที่ 2 ธ.ค.62 เวลา 17.00 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจยึดโดยหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.1 (จอมบึง) หน่วยป้องกันและพัฒนา ป่าไม้จอมบึง สังกัดศูนย์ป่าไม้ราชบุรี สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) กรมป่าไม้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ปิดประกาศ ณ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2562” ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ติดตั้งป้ายประกาศทั้งหมด 4 จุดในบริเวณรอบๆ พื้นที่ที่เป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้และไม่ให้บุคคลเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว

นายธวัชชัย ลัดกลูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเขาสนฟาร์ม จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณากล่าวถึงกรณีการร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.ปารีณาข้อหาบุกรุกป่าและครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตว่า กรมป่าไม้ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพียงคนเดียว ไม่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายทวี ไกรคุปต์ด้วย ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมนายทวี จึงไปมอบตัวกับ บก.ปทส. และเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา กรมป่าไม้ได้แถลงชัดเจนว่าดำเนินคดี น.ส.ปารีณา ใน 4 ข้อกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 และ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 97

ขณะที่ พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผบก.ปทส.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกรมป่าไม้แจ้งความเอาผิด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ สร้างฟาร์มไก่เขาสนฐานบุกรุกเขตป่าไม้และป่าสงวนกว่า 46 ไร่ ว่า ทำรายงานเสนอไปยัง บช.ก.เพื่อขอให้ บก.ปทส.มีอำนาจในการสอบสวนคดี ขณะนี้เร่งตรวจสอบเอกสารการรังวัดที่ดินที่กรมป่าไม้แจ้งมาและจะทยอยเรียกสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารที่ดิน ส่วนผู้กระทำผิดที่กรมป่าไม้แจ้งความดำเนินคดีมี น.ส.ปารีณาเพียงรายเดียว ส่วนนายทวี ไกรคุปต์ บิดานั้นไม่ได้ถูกแจ้งความเอาผิดด้วย

ส่วนกรณีนายเสี้ยว นำพา อายุ 74 ปี ชาวบ้านหมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พร้อม น.ส.ปราณี นำพา และ น.ส.อำไพ นำพา ลูกสาวเข้าร้องเรียนว่าถูกนายทวี ไกรคุปต์ อดีต รมช.คมนาคม พ่อของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 ราชบุรีบุกรุกที่ดินโดยล้อมรั้ว ปลูกต้นมะพร้าวทำให้ที่ดินที่ถือครองทำกินเลี้ยงครอบครัวนานกว่า 50 ปี หายไปกว่า 30 ไร่ กระทั่งวันที่ 4 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ตรวจสอบวัดแนวเขตที่ดินที่เกิดข้อพิพาทพร้อมสอบสวนนายเสี้ยวพร้อมลูกสาวและชาวบ้านที่เป็นพยานด้วยนั้น

ต่อมาสายวันที่ 5 ธ.ค. น.ส.ปราณี กับ น.ส.อำไพ นำพา ลูกสาวนายเสี้ยวได้นำเอกสารบันทึกการตรวจสอบพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้พร้อมเอกสารตารางค่าพิกัดอย่างละเอียดและแผนที่แสดงพื้นที่ตรวจสอบเข้าแจ้ง พ.ต.ต.จักราวุธ กลางคาร สว. (สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ให้ดำเนินคดีกับนายทวี ไกรคุปต์ ฐานบุกรุกที่ดินตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.62 โดย น.ส.ปราณี เปิดเผยว่าหลังจากได้เอกสารการตรวจรังวัดจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้แล้วได้นำมอบเป็นหลักฐานให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับนายทวี ไกรคุปต์ ต่อไป

“ฉันและครอบครัว ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอดและขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ป่าไม้ กอ.รมน. หน่วยงานต่างๆ และสื่อมวลชนที่ทำให้ทุกอย่างกระจ่าง เพราะตอนแรกที่ถูกบุกรุก นายเสี้ยวผู้เป็นพ่อและฉันพยายามร้องทุกข์ต่อหน่วยงานหลายแห่งแต่เรื่องเงียบไม่คืบหน้าใดๆ คาดว่าเราเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาๆ คงไม่มีปัญญาไปสู้อะไรกับเขาหรอก จนพวกเราแทบหมดกำลังใจแล้ว แต่วันนี้ทุกอย่างชัดเจน ต่อไปก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย” น.ส.ปราณีกล่าว

ด้าน พ.ต.ต.จักราวุธ กลางคาร สว. (สอบสวน) เจ้าของคดี กล่าวว่าผู้เสียหายได้มามอบเอกสารการตรวจวัดยืนยันแล้วว่าพื้นที่ที่ถูกบุกรุกเป็นที่ดินในความถือครองของเขา พนักงานสอบสวนมีหลักฐานแล้วจะได้เรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาแต่คดีนี้เป็นความผิดที่ยอมความกันได้ หากผู้เสียหายไม่ประสงค์จะเจรจาจะดำเนินการตามขั้นตอนโดยออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหา 2 ครั้ง ถ้าไม่มาจะออกหมายจับตามกฎหมายต่อไป

ส่วนนายสุชาติ บัวบาง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ศูนย์ป่าไม้ราชบุรี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) กล่าวว่าข้อพิพาทในเรื่องนี้ทางป่าไม้ได้ทำการสำรวจแล้ว พื้นที่ถูกบุกรุกเป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้เข้าไปแก้ไขปัญหาที่ทำกิน และเป็นพื้นที่ที่ให้สิทธินายเสี้ยวซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อลูกสาวครอบครองเพื่อทำกิน เมื่อเกิดข้อพิพาทเป็นเรื่องระหว่างเอกชนกับเอกชน ทางป่าไม้ได้ส่งเรื่องให้ทางศูนย์ดำรงธรรม อ.สวนผึ้ง ดำเนินการซึ่งทางศูนย์ดำรงธรรมให้ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยเพื่อยุติปัญหา ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีบุกรุกนั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0