เจ้าชายแฮร์รี หนุ่มเจ้าสำราญกับเส้นทางชีวิตที่ลิขิตเอง – BBCไทย
เจ้าชายแฮร์รี ดยุคแห่งซัสเซกซ์ ทรงเติบโตขึ้นท่ามกลางการจับจ้องของสื่อมวลชน ตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นราชนิกุลรุ่นเยาว์ผู้ต้องรับมือกับการสิ้นพระชนม์ของพระมารดา เรื่อยมาจนถึงช่วงวัยรุ่นที่ทรงใช้ชีวิตสุขสำราญกับการปาร์ตี้ จวบจนช่วงที่ทรงเข้ารับราชการทหารในกองทัพ
นับตั้งแต่นั้น เจ้าชายแฮร์รี ทรงพระดำเนินตามรอยพระมารดาในการทรงงานด้านการกุศลทั่วโลก ก่อนที่จะทรงลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว และกลายเป็นพ่อคน
ตอนนี้ทั้งพระองค์และเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ พระชายา กำลังจะเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในชีวิต หลังจากทรงสละพระยศ HRH (His/Her Royal Highness) ที่แสดงถึงความเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูง รวมทั้งจะทรงยุติการรับเงินงบประมาณจากรัฐ เพื่อที่จะทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ในประเทศแคนาดา ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์
- ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์จะสละฐานันดรศักดิ์พระราชวงศ์ชั้นสูง
- เปิดแถลงการณ์ฉบับเต็มจากควีน-สำนักพระราชวัง กรณีแฮร์รี-เมแกน สละฐานันดรศักดิ์
- แฮร์รี-เมแกน : คู่ขวัญราชวงศ์อังกฤษทรงมีรายได้จากไหนบ้าง
- สื่อสายวังเผยราชวงศ์อังกฤษ “เสียใจ” เรื่องแฮร์รี-เมแกน ขอลดบทบาท
ช่วงที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รีทรงพยายามสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตในฐานะบุคคลสาธารณะกับชีวิตส่วนพระองค์ หลายครั้งการที่ทรงมีชื่อเสียงในฐานะรัชทายาทลำดับที่ 6 ในราชบัลลังก์อังกฤษ ได้ช่วยส่งเสริมให้งานการกุศลที่พระองค์ทำได้รับการสนับสนุน แต่กระแสความสนใจที่มากเกินไปในบางครั้งก็ทำให้พระองค์ต้องทรงต่อสู้อย่างหนักเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของครอบครัวของพระองค์
ชีวิตวัยเยาว์
เจ้าชายแฮร์รีประสูติที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี ในย่านแพดดิงตันของกรุงลอนดอน เมื่อ 15 ก.ย. 1984 ทรงมีพระนามเต็มว่า “เฮนรี ชาร์ลส์ อัลเบิร์ต เดวิด” แต่มีการประกาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นให้ทรงเป็นที่รู้จักในพระนาม “แฮร์รี”
ชีวิตวัยเยาว์ของเจ้าชายแฮร์รีต้องสะดุดลงเมื่อเจ้าหญิงไดอานา พระมารดาสิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหันในปี 1997 จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส หลังจากถูกบรรดาปาปารัสซีขับขี่รถจักรยานยนต์ตามไล่ล่าถ่ายภาพพระองค์
การจากไปของพระองค์สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้ชื่นชอบราชวงศ์อังกฤษทั่วโลก แต่สำหรับเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษา 12 ปี และเจ้าชายวิลเลียมพระชันษา 15 ปี โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตของทั้งสองพระองค์ไปตลอดกาล
ในพิธีพระศพเจ้าหญิงไดอานา ซึ่งมีภาพของพระโอรสวัยเยาว์ทั้งสองพระองค์ทรงพระดำเนินตามขบวนพระศพพระมารดาไปสู่สถานที่ประกอบพิธีที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ยังคงเป็นหนึ่งในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ของบีบีซีที่มีผู้ติดตามชมมากที่สุด
“ข้าพเจ้าสามารถพูดได้ว่าการสูญเสียแม่ไปตอนอายุ 12 ปี แล้วเก็บกดอารมณ์ทั้งหมดไว้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบอย่างมากไม่เพียงต่อชีวิตส่วนตัวของข้าพเจ้าแต่ยังรวมถึงงานของข้าพเจ้าด้วย” เจ้าชายแฮร์รีตรัสในการประทานสัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟในปี 2017
พระองค์ตรัสอีกว่า “ข้าพเจ้าน่าจะเคยเข้าใกล้ภาวะสติแตกอย่างสิ้นเชิงหลายครั้งเวลาที่มีความเศร้าโศก ความโกหก และความเข้าใจผิด และทุกสิ่งทุกอย่างได้ถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง”
เจ้าชายแฮร์รีดำเนินเส้นทางการศึกษาตามรอยเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐา โดยทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนเวเธอร์บี ในย่านน็อตติงฮิลล์ในกรุงลอนดอน ก่อนจะเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยอีตัน ในปี 1998
หลังสำเร็จการศึกษาจากอีตันในปี 2003 เจ้าชายแฮร์รีทรงหยุดพักจากการศึกษาเป็นเวลา 1 ปี โดยทรงใช้เวลาในช่วงนี้ลิ้มรสชีวิตการทำงานที่ฟาร์มแกะในออสเตรเลีย และทรงงานการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อแม่ไปด้วยโรคเอสด์ที่ประเทศเลโซโท ในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การก่อตั้งองค์กรการกุศลของพระองค์ที่นั่น
ชีวิตท่ามกลางแสงไฟ
ชีวิตของเจ้าชายแฮร์รีได้รับความสนใจจากสื่อเสมอมา
เมื่อปี 2002 หนังสือพิมพ์นิวส์ออฟเดอะเวิล์ด ซึ่งปัจจุบันได้ปิดตัวไปแล้วนั้น ได้ตีข่าวหน้าหนึ่งว่า “เรื่องยาเสพติดที่น่าอัปยศของแฮร์รี” พร้อมกล่าวอ้างว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงส่งตัวพระโอรสองค์เล็กเข้าคลินิคบำบัดแห่งหนึ่งเป็นการลงโทษที่ทรงสูบกัญชา
ในเวลาต่อมา สำนักงานพระราชวังเซนต์เจมส์แถลงยืนยันว่าเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษา 17 ปี “ทรงทดลองใช้ยาเสพติดในหลายโอกาส” แต่การใช้ที่ว่านี้ไม่ได้เกิดขึ้น “เป็นประจำ”
จากนั้นในเดือน ต.ค.ปี 2004 ก็เกิดกรณีที่พระองค์มีเหตุวิวาทกับช่างภาพคนหนึ่งที่ด้านนอกไนต์คลับ
โฆษกสำนักพระราชวังระบุว่า เจ้าชายแฮร์รี ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษา 20 ปี ถูกกล้องของช่างภาพกระแทกเข้าที่พระพักตร์ “ตอนที่กลุ่มช่างภาพกำลังรุมล้อมพระองค์”
เมื่อเจ้าชายแฮร์รีพยายามผลักกล้องให้พ้นพระองค์ “เข้าใจว่านั่นได้ทำให้ช่างภาพคนหนึ่งปากแตก” โฆษกระบุ
ในปีถัดมามีการเผยแพร่ภาพเจ้าชายแฮร์รีทรงฉลองพระองค์แฟนซีเป็นทหารกองทัพนาซีออกงานเลี้ยงซึ่งได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความรู้สึกไม่พอใจให้คนหลายฝ่าย
ในเวลาต่อมา คลาเรนซ์ เฮาส์ สำนักงานของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ระบุว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงขออภัยต่อ “ความไม่พอใจและความอับอาย” ที่เกิดขึ้น และทรงยอมรับว่า “มันเป็นเครื่องแต่งกายที่ไม่เหมาะสม”
ในปี 2009 มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่เจ้าชายแฮร์รีทรงใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมขณะตรัสถึงทหารเชื้อสายเอเชียที่อยู่สังกัดเดียวกับพระองค์
สำนักงานพระราชวังเซนต์เจมส์ แถลงว่า เจ้าชายแฮร์รี “ทรงเสียพระทัยอย่างยิ่งสำหรับถ้อยคำที่อาจสร้างความรู้สึกขุ่นเคืองของพระองค์” แต่ทรงชี้ว่า “การใช้ถ้อยคำดังกล่าวของพระองค์ไม่ได้มีความมุ่งร้าย และเป็นเพียงชื่อเล่นที่ใช้เรียกสมาชิกผู้เป็นที่ชื่นชอบอย่างยิ่งในกองทหารที่พระองค์สังกัดอยู่”
ทูตโอลิมปิก
เจ้าชายแฮร์รี ทรงเรียกรอยยิ้มจากสื่อมวลชนและผู้ชมทั่วโลกจากการทำหน้าที่ทูตโอลิมปิกในมหกรรมโอลิมปิกกรุงลอนดอนเมื่อปี 2012
ในปีเดียวกัน ทรงปรากฏพระองค์ในสื่ออย่างต่อเนื่องในวาระฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สอง เมื่อปี 2012 ซึ่งในปีนี้เอง เจ้าชายแฮร์รีทรงปฏิบัติพระกรณียกิจเยือนต่างประเทศตามลำพังเป็นครั้งแรก โดยเสด็จเยือนประเทศในทวีปอเมริกา คือ เบลีซ บาฮามาส บราซิล และจาไมกา
อย่างไรก็ตาม ในเดือน ส.ค.ปีนั้น ได้ปรากฏภาพถ่ายที่เผยให้เห็นเจ้าชายแฮร์รีกับกับหญิงสาวเปลือยคนหนึ่งในห้องพักโรงแรมในนครลาสเวกัส
ภาพถ่าย 2 ภาพที่เผยแพร่ในเว็บไซต์บันเทิง TMZ ของสหรัฐฯ และในเวลาต่อมาได้ถูกตีพิมพ์ใน เดอะซัน หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของอังกฤษ ถูกถ่ายขึ้นในช่วงที่เจ้าชายแฮร์รีทรงหยุดพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์กับพระสหาย โดย TMZ รายงานว่าขณะนั้นเจ้าชายและคณะกำลังเล่น “ไพ่เปลื้องผ้า”
ในเวลาต่อมา เจ้าชายแฮร์รีทรงยอมรับว่าพระองค์ “อาจทำเรื่องไม่เหมาะสม” แต่ทรงชี้ว่า “ข้าพเจ้าอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวและควรได้รับความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง”
อย่างไรก็ตาม การที่ทรงมีฐานะเป็นพระอนุชาของว่าที่กษัตริย์อังกฤษในอนาคตนั้น และเป็นเพียง “ตัวสำรอง” ในการสืบราชบัลลังก์ ก็ส่งผลให้เจ้าชายแฮร์รีทรงมีความรับผิดชอบค่อนข้างน้อย อีกทั้งยังมีอิสระมากกว่าในการดำเนินชีวิตและการทรงงาน เช่น การปฏิบัติภารกิจรับใช้ชาติในสมรภูมิอัฟกานิสถานของพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าชายวิลเลียม ในฐานะว่าที่กษัตริย์อังกฤษมิอาจทำได้
งานกองทัพและการกุศล
เจ้าชายแฮร์รีทรงใช้เวลา 10 ปี ในกองทัพ และทรงเป็นสมาชิกราชวงศ์พระองค์แรกในรอบกว่า 25 ปีที่ปฏิบัติภารกิจในสงคราม
พระองค์ทรงต้องผิดหวังในปี 2007 หลังจากผู้บัญชาการกองทัพบกตัดสินใจไม่ส่งพระองค์ไปอิรัก เนื่องจาก “มีความเสี่ยงมากเกินไป” ทว่าในปีต่อมาทรงถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถานเป็นเวลา 10 สัปดาห์
ทรงกลับสู่มาตุภูมิในฐานะนักบินเฮลิคอปเตอร์โจมตี Apache ระหว่างเดือน ก.ย.2012 ถึงเดือน ม.ค. 2013 ก่อนที่จะทรงได้เป็นผู้บังคับฝูงบิน Apache ในเดือน ก.ค. 2013
ตอนที่ทรงประกาศลาออกจากกองทัพในปี 2015 เจ้าชายแฮร์รีได้ตรัสว่า ช่วงเวลาในกองทัพ “จะอยู่กับข้าพเจ้าไปตลอดชีวิต”
ประสบการณ์ดังกล่าวยังส่งผลถึงงานการกุศลของพระองค์ ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพจิต และการช่วยเหลือทหารผ่านศึก
- เจ้าชายแฮร์รีเผยเคยพบจิตแพทย์เรื่องพระมารดา
- เจ้าชายแฮร์รีทรงเคยคิดจะออกจากราชวงศ์
- เจ้าชายแฮร์รีเผย ไม่มีพระบรมวงศ์ฯ พระองค์ไหนอยากเป็นกษัตริย์
งานการกุศลที่สำคัญของเจ้าชายแฮร์รีคือ การก่อตั้งและเป็นประธานการแข่งขันกีฬา “อินวิคตัส เกมส์” ในปี 2014 ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาสำหรับทหารผ่านศึกผู้พิการที่จัดขึ้นในกรุงลอนดอน, เมืองออร์แลนโด ในรัฐฟลอริดา, นครโทรอนโต ในแคนาดา และนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย
นอกจากนี้ยังทรงสนับสนุน Walking With the Wounded องค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือทหารผ่านศึกด้วย
งานการกุศลอื่น ๆ ของเจ้าชายแฮร์รียังรวมถึง โครงการอนุรักษ์ต่าง ๆ ในแอฟริกา และทรงเป็นผู้ร่วมก่อนตั้งมูลนิธิ Sentebale ที่ช่วยเด็กกำพร้าในเลโซโท
นอกจากนี้ยังทรงสานต่องานการกุศลของพระมารดาเช่น การช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อเอชไอวีและเอดส์ รวมทั้งทรงสนับสนุนงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดขององค์กร Halo Trust
แก้ตราบาปเรื่องปัญหาสุขภาพจิต
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รีทรงเข้ารับการบำบัดเพื่อรับมือกับการสูญเสียพระมารดา
พระองค์ทรงรับหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวในพิธีเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมเมื่อเดือน เม.ย 2011 และนับตั้งแต่นั้นได้ตรัสอย่างเปิดเผยถึงความยากลำบากที่ไม่มีพระมารดาอยู่ด้วยในตอนนั้น
เจ้าชายแฮร์รี เจ้าชายวิลเลียม และแคทเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทรงมุ่งเน้นการทรงงานการกุศลในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพจิต โดยทรงร่วมกันก่อตั้งองค์กร Heads Together ที่มีจุดประสงค์ในการแก้ไขตราบาปที่สังคมมีต่อประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพจิต และระดมทุนเพื่อให้บริการใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหานี้
สละชีวิตหนุ่มโสด
ในฐานะหนึ่งในหนุ่มโสดเนื้อหอมที่สุดในโลก เรื่องราวชีวิตรักของเจ้าชายแฮร์รีจึงได้รับความสนใจจากสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ช่วงปลายปี 2016 เจ้าชายแฮร์รีทรงยืนยันว่ากำลังคบหาอยู่กับ น.ส.เมแกน มาร์เคิล นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน ขณะเดียวกันได้ทรงออกแถลงการณ์ตำหนิสื่อมวลชนที่ “ข่มเหงรังแกและคุกคาม” น.ส.มาร์เคิล ทั้งยังแสดงความคิดเห็นเชิงเหยียดสีผิว ในบทความต่าง ๆ และพยายามบุกรุกบ้านพักของเธอ
- เจ้าชายแฮร์รี ทรงควงแฟนสาวออกงานเป็นทางการครั้งแรก
- เจ้าชายแฮร์รี-พระคู่หมั้นประทานสัมภาษณ์ครั้งแรก เผยเส้นทางรักแสนหวาน
ทั้งคู่ได้รู้จักกันผ่านการนัดบอดที่พระสหายจัดให้ โดยหลังจากออกเดทไปได้เพียง 2 ครั้ง ทั้งคู่ก็เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศบอตสวานาด้วยกัน
ในเดือน พ.ย.ปี 2017 เจ้าชายแฮร์รีทรงประกาศว่าได้ทรงหมั้นและเตรียมจะเสกสมรสกับ น.ส.มาร์เคิล ทรงเผยว่าการได้มาพบและตกหลุมรัก น.ส.มาร์เคิล อย่างรวดเร็วเหลือเชื่อนั้น เป็นเหมือนโชคชะตาที่ “ดวงดาวช่างเป็นใจ” ให้ได้มาเป็นคู่ครองกัน
เจ้าชายแฮร์รี ทรงออกแบบพระธำมรงค์หมั้นเพื่อใช้ขอพระคู่หมั้นแต่งงานด้วยพระองค์เอง โดยเป็นพระธำมรงค์ทองคำ ประดับด้วยเพชรเม็ดใหญ่จากประเทศบอตสวานา ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของทั้งคู่ นอกจากนี้ ยังทรงนำเพชรอีก 2 เม็ดของเจ้าหญิงไดอานา มาประดับรวมไว้ในแหวนวงนี้ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าพระมารดาจะอยู่กับทั้งสองตลอดการใช้ชีวิตคู่ ที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเปรียบว่าเป็นเสมือนกับการเดินทางที่ไม่ธรรมดา
ทั้งสองเข้าพิธีเสกสมรสกันที่โบสถ์เซนต์จอร์จในพระราชวังวินด์เซอร์ เมื่อเดือน พ.ค. 2018 และได้รับการสถาปนาให้เป็นดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์
จากนั้นในเดือน ต.ค.ปีเดียวกัน ทั้งคู่ซึ่งอยู่ในระหว่างการปฏิบัติพระกรณียกิจในออสเตรเลียได้ประกาศข่าวดีว่าดัชเชสแห่งซัสเซกซ์กำลังทรงครรภ์ ซึ่งพระโอรส “อาร์ชี แฮร์ริสัน เมานต์แบตเทน-วินด์เซอร์” ได้ประสูติเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2019
ชีวิตบทใหม่
2019 ถือเป็นปีที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายกับเจ้าชายแฮร์รีและพระชายา
ในเดือน มี.ค. ทั้งคู่ได้ประกาศแยกราชสำนักจากดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์
จากนั้นในเดือน เม.ย. ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงเปิดบัญชีอินสตาแกรมอย่างเป็นทางการ และมีผู้กดติดตามกว่า 1 ล้านรายภายในเวลาเพียง 5 ชั่วโมง 45 วินาที
- เหตุใดแท็บลอยด์อังกฤษจึงชิงชัง เมแกน “ดัชเชสเรื่องเยอะ”
- แฮร์รี-เมแกน ปรับปรุงพระตำหนัก ใช้เงินภาษีเกือบร้อยล้านบาท
- แฮร์รี-เมแกน เผยความยากลำบากจากแรงกดดันจากสื่อหัวสี
- สัมพันธ์ร้าวฉานที่ยากจะเยียวยาของเจ้าชายวิลเลียม-แฮร์รี
ในเดือน มิ.ย.ทรงประกาศแยกจากองค์กรการกุศลที่ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ร่วมกับดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ความเคลื่อนไหวนี้ยิ่งจุดกระแสข่าวความบาดหมางกันระหว่างเจ้าชายแฮร์รีและเจ้าชายวิลเลียม
กระแสข่าวดังกล่าวถูกตอกย้ำอีกครั้งหลังจากเจ้าชายแฮร์รี ทรงเปิดใจใน Harry & Meghan: An African Journey สารคดีที่ออกอากาศทางช่องไอทีวี ซึ่งติดตามการปฏิบัติพระกรณียกิจเยือนแอฟริกาใต้ของพระองค์และพระชายา เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยเจ้าชายแฮร์รีทรงยอมรับว่าพระองค์กับพระเชษฐา ไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนเดิมแล้ว เจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า ทั้งสองทรงมี “เส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันในตอนนี้”
ขณะที่เมแกน พระชายา ทรงเผยว่า การปรับตัวเข้ากับชีวิตในราชสำนักเป็น “เรื่องยาก” เพราะพระองค์ไม่ได้เตรียมรับมือการถูกขุดคุ้ยอย่างหนักจากบรรดาสื่อแท็บลอยด์
ก่อนหน้านั้นไม่นาน ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ทรงเปิดศึกกับสื่อหัวสีของอังกฤษ โดยดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ทรงเริ่มกระบวนการทางกฎหมายเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีต่อหนังสือพิมพ์เมลออนซันเดย์ ฐานเผยแพร่จดหมายส่วนพระองค์ที่ส่งถึงนายโธมัส มาร์เคิล บิดา โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ต่อจากนี้ไป แม้ว่าดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ จะสละฐานันดรศักดิ์ที่แสดงถึงความเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูง และจะไม่เป็นผู้แทนพระองค์ของควีนออกปฏิบัติพระกรณียกิจที่เป็นทางการอีก แต่ก็เชื่อได้ว่าทั้งสองพระองค์จะเดินหน้าทรงงานการกุศลส่วนพระองค์ต่อไป
ส่วนเรื่องที่เหลืออื่น ๆ เกี่ยวกับอนาคตของคู่ขวัญราชวงศ์อังกฤษคู่นี้ เช่นว่า ทั้งสองจะทรงใช้ชีวิตอยู่ที่ใดเป็นการถาวรนั้น ก็ยังเป็นเรื่องไม่ชัดเจนในขณะนี้