โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เจาะกลยุทธ์ 'ชีวาทัย' เหนือกว่าด้วยความคุ้มค่า และความใส่ใจ

กรุงเทพธุรกิจ

เผยแพร่ 10 ธ.ค. 2562 เวลา 02.00 น.

ในขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ถูกปัจจัยลบต่างๆ เข้ามารุมเร้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อตลาดให้ชะลอตัวลง และนักพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (ดีเวลลอปเปอร์) หลายรายต่างซวนเซกันไปไม่น้อย แต่สำหรับดีเวลลอปเปอร์รายขนาดกลางอย่าง"ชีวาทัย"ยังคงสามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดได้อย่างมั่นคง แถมยังคงมีมุมมองในเชิงบวกกับตลาดอสังหาฯ อีกด้วย ทั้งตลาดบ้านแนวราบ และคอนโดมิเนียม

โดยชีวาทัยจะมีแนวคิดและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างไรนั้น คอลัมน์ SPOTLIGHT ฉบับนี้ มีคำตอบ

  • 3 จุดเด่นเพื่อลูกบ้าน"ชีวาทัย"

ชีวาทัย เริ่มก่อตั้งเมื่อ 11 ปีก่อน ด้วยโครงการแรกที่เปิดตัว คือโครงการคอนโดมิเนียม ชีวาทัย ราชปรารภ โดย"บุญชุนเกียรติ"กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวโครงการแรกไปแล้ว บริษัทฯ ก็ได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาต่อเนื่องหลายปี ทำให้คนที่จะนึกถึงชีวาทัย ก็จะนึกถึงโครงการคอนโดมิเนียมก่อนเป็นลำดับแรก ส่วนโครงการบ้านแนวราบนั้น เพิ่งจะเริ่มเข้าไปบุกตลาดเมื่อกว่า 3 ปีก่อนนี่เอง

การเปิดตัวโครงการใหม่ของชีวาทัยในแต่ละปี จะไม่เน้นหวือหวาหรือต้องเปิดปีละจำนวนมากๆ แต่จะเปิดเฉลี่ยเพียงปีละ 3 โครงการ ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา โลเคชั่น และการวิเคราะห์ด้านความต้องการของผู้บริโภคว่าจะมีมากน้อยแค่ไหนเป็นสำคัญ และชีวาทัยเองยังขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงเท่านั้น จึงไม่มีลูกค้ากลุ่มนักลงทุน หรือกลุ่มนักเก็งกำไรเข้ามามากนัก ส่วนลูกค้าต่างชาติมีบ้างแต่ก็ถือว่าน้อย

เมื่อถามถึงกลยุทธ์ จุดเด่นในความเป็นชีวาทัยนั้น คุณบุญบอกว่า ชีวาทัย ถือว่ายังเป็นแบรนด์ไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้น สิ่งที่ให้แก่ลูกค้าจะต้องเหนือกว่าเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำเลที่ใช่ การมอบความคุ้มค่าที่มากกว่า และการให้ความใส่ใจดูแลกับทุกเรื่อง รวมทั้งบริการหลังการขายทั้งก่อนการโอนและหลังโอน

ในการเลือกทำเลนั้น จะเน้นทำเลที่มีความคล่องตัวสูง เพื่อลูกบ้านสามารถเดินทางไปมาได้สะดวก ติดถนนใหญ่ หรืออยู่ในชุมชนที่มีคนอยู่อาศัยจำนวนมาก ที่สำคัญต้องเป็นทำเลที่มีดีมานด์ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ซึ่งทำเลเด่นๆ ที่ผ่านมาของโครงการชีวาทัย เช่น ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศก ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (ซีบีดี)ล่าสุดคือ โครงการ ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ และโครงการ ชีวาทัย ปิ่นเกล้า เป็นต้น

ส่วนความคุ้มค่า ราคาขายจะต้องสมเหตุสมผล หรือถูกกว่าเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ในระดับเดียวกัน แต่มีความคุ้มค่าที่มากกว่า โดยบริษัทฯ ถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่ใส่ Home Automationให้ฟรีกับโครงการคอนโดมิเนียม ทั้งที่โครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ และโครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้า ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย และเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น มากกว่าแค่การเปิด-ปิดประตูห้อง หรือการเปิด-ปิดไฟฟ้าเท่านั้น

"อย่างที่โครงการ ชีวาทัย ปิ่นเกล้า นอกจากมีทำเลโดดเด่นแล้ว ระบบ Home Automation ก็มีให้อย่างครบถ้วน ในราคาขายเริ่มต้นเพียง 90,000 บาทต่อ ตร.ม. เท่านั้น ขณะที่โครงการอื่นในละแวกเดียวกัน สูงเกินกว่า 1 แสนบาทต่อ ตร.ม. แล้ว ทำให้ลูกค้าของชีวาทัยจะได้รับความคุ้มค่า และการอำนวยความสะดวกจากการอยู่อาศัยที่มากขึ้น"คุณบุญยังกล่าวอีกว่า

สุดท้ายคือเรื่องความใส่ใจ นอกจากการให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว บริษัทฯ ยังใส่ใจลูกบ้านด้วยบริการหลังการขายที่เป็นมาตรฐาน โดยจะดูแลทั้งก่อนการโอนและหลังโอน โดยทีมงาน ชีวาแคร์ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อมาบริหารจัดการในด้านนี้โดยเฉพาะ ลูกบ้านสามารถแจ้งปัญหา หรือแจ้งซ่อม ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ของบริษัทฯ ได้ตลอดเวลา และทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Call Center 1260 หรือทางแอพพลิเคชั่น Line และด้วยความใส่ใจ ตนจะเป็นคนเข้าไปดูแลและติดตามการแก้ปัญหาให้กับลูกบ้าน ซึ่งก็ไม่มี ซีอีโอ ที่ไหนจะเข้าไปดูแลในส่วนนี้ด้วยตัวเอง

"ผมไม่ได้มองว่าเรื่องนี้จะเป็นการทำ CRM นะ แต่เป็นความตั้งใจของเราเองที่มองว่า ลูกค้าต้องกู้เงินเพื่อมาซื้อบ้านและผ่อนชำระเป็นระยะเวลายาวนาน 10-20 ปี การดูแลเรื่องเหล่านี้ก็เพื่อให้ทุกคนได้อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ และมีความสุข มีความสบายใจกับเราเป็นสิ่งสำคัญ เรื่องนี้บริษัทฯ ทำมาตลอดต่อเนื่องหลายปี ผลที่ตามมาคือเราจะไม่ค่อยเห็นการ complain จากลูกค้าของชีวาทัยในเว็บบอร์ดต่างๆ เลย"คุณบุญ กล่าว

  • เชื่อดีมานด์ซื้อคอนโดยังมีมาก

นอกจากนี้ คุณบุญ ยังมองถึงทิศทางตลาดคอนโดมิเนียม โดยเชื่อมั่นว่าตลาดยังคงไปต่อได้ แม้จะมีมาตรการเข้มงวดด้านสินเชื่อจากแบงก์ชาติเป็นปัจจัยที่ท้าทายอยู่ แต่ตลาดคอนโดมิเนียมยังเป็นคำตอบสำหรับคนที่ต้องการใช้ชีวิตในเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจร ไม่ต้องการเสียเวลาไปกับการเดินทางอันยาวนานในแต่ละวัน

"คอนโดยังคงเป็นคำตอบสำหรับคนรุ่นใหม่ คนที่เพิ่งจบการศึกษาและเริ่มต้นทำงาน หรือแม้แต่คนที่มีอายุ 40-50 ปี ที่ทำงานในกรุงเทพฯ และต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางไปทำงาน กลุ่มคนเหล่านี้ยังมีต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเป็นบ้านหลังที่สองเพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของตนเองดีขึ้น ขณะที่ตอนนี้ราคาบ้านเริ่มสูงขึ้น ทำให้กลุ่มคนเพิ่งจบการศึกษาใหม่ยังไม่สามารถซื้อบ้านได้ จึงเลือกที่จะซื้อคอนโดก่อน ผมจึงเชื่อว่า real demand ยังคงมีอยู่แน่ๆ

ส่วนบ้านจะยังเป็นตลาดสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการวางแผนเพื่ออนาคต ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความสามารถในการซื้อบ้านที่มีราคาสูงกว่าได้แล้วและมีมุมมองเผื่อไว้สำหรับอนาคตเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณแล้ว ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีต้องการอยู่อาศัยในบ้านแนวราบ อยู่กับพื้นดิน ซึ่งถือเป็นความต้องการของคนในเอเชียที่มีแนวคิดนี้เหมือนอยู่ในสายเลือดก็ว่าได้"เขากล่าว

อย่างไรก็ดี แม้จะมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาด โดยบริษัทฯ ยังคงลงทุนพัฒนาโครงการต่อเนื่อง แต่ก็จะใช้ความระมัดระวังมากขึ้น และปรับเป้าหมายในการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยในปีหน้า นอกจากโครงการใหม่ ชีวาทัย ปิ่นเกล้า ซึ่งเริ่มก่อสร้างแล้ว และคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2564 ล่าสุด บริษัทได้เข้าซื้อที่ดินติดกับสถานีลำสาลี ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยเป็นอีกหนึ่งจุดอินเตอร์เช้นจ์ ที่มองว่ามีเสน่ห์ในตัวเอง และจะสามารถไปได้ดี ซึ่งความคืบหน้าในขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ราวปลายปีหน้า

"สิ่งที่เราจะทำคือเลือกให้มากกว่าเดิม ระมัดระวังมากขึ้น เน้นศึกษาความต้องการของพื้นที่ และพยายามให้ได้ราคาที่ดินที่ถูกที่สุด เช่น ที่ดินที่ลำสาลี ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการชีวาทัย อินเตอร์เช้นจ์ ลำสาลี ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้าของชีวาทัยให้ได้มากที่สุดสมกับความตั้งใจของเรา"คุณบุญ กล่าวทิ้งท้าย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0