โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เจอแสงแล้วตาแห้ง ต้องหรี่ตา อาการแบบนี้เสี่ยงภาวะ ‘ตากลัวแสง’

Health Addict

อัพเดต 26 ส.ค. 2562 เวลา 11.02 น. • เผยแพร่ 23 ส.ค. 2562 เวลา 12.15 น. • Health Addict
ใครที่ใช้สายตาเป็นประจำแล้วเริ่มรู้สึกถึงอาการตาแห้ง เคืองตา ต้องหรี่ตาเมื่อเจอแสง นี่เป็นสัญญาณของภาวะ “ตากลัวแสง” ที่ใครหลายคนอาจเป็นแต่ยังไม่รู้ตัว
ใครที่ใช้สายตาเป็นประจำแล้วเริ่มรู้สึกถึงอาการตาแห้ง เคืองตา ต้องหรี่ตาเมื่อเจอแสง นี่เป็นสัญญาณของภาวะ “ตากลัวแสง” ที่ใครหลายคนอาจเป็นแต่ยังไม่รู้ตัว

สำหรับใครที่ใช้สายตาเป็นประจำแล้วเริ่มรู้สึกถึงอาการตาแห้ง เคืองตา ต้องหรี่ตาเมื่อเจอแสง หรืออาจมีน้ำตามากกว่าปกติ ฟังทางนี้! นี่เป็นสัญญาณของภาวะ Photophobia หรือ “ตากลัวแสง” คือภาวะที่ดวงตาของเรามีความไวต่อแสงและไม่สามารถทนแสงได้ ไม่ว่าจะเป็นแสงจากดวงอาทิตย์ แสงจากโคมไฟ หรือแม้แต่แสงจากหน้าจอก็ตาม 

สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดภาวะตากลัวแสง
อาการตากลัวแสงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากพฤติกรรมของเราที่ทำเป็นประจำหรือเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย ดังนี้ 

  • ใช้สายตาอย่างหนักหน่วง  การเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน หรือการเพ่งอ่านหนังสือเป็นเวลานาน ก็สามารถทำให้เกิดอาการตาแห้ง ตาล้า ส่งผลให้เกิดอาการตากลัวแสง โดยเฉพาะคนที่มีอาการไมเกรน มักพบอาการตากลัวแสงร่วมด้วย 
  • เกิดจากอาการผิดปกติทางตา  อาการผิดปกติอย่างเช่น ตาอักเสบ ตาติดเชื้อ ฝุ่นเข้าตา อุบัติเหตุทางตา แผลกระจกตา รูม่านตาขนาดใหญ่กว่าปกติ คนที่มีอาการผิดปกติเหล่านี้อาจมีภาวะตากลัวแสงได้เช่นกัน
  • ผลข้างเคียงจากการใช้ยาหรือคอนแทคเลนส์  อาการตากลัวแสงสามารถเกิดจากการใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หรือในบางคนเป็นเพราะผลข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะที่ส่งผลต่อตา อย่างเช่น ยาทาสิว ยาแก้อักเสบ ยาคุมกำเนิด รวมถึงคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสบกับดวงตา ก็อาจส่งผลให้มีอาการได้เช่นกัน 

Photo by Hubble on Unsplash

ไม่อยากเสี่ยงตากลัวแสง ต้องดูแลแบบนี้
พญ.ฝนทิพย์ ณ ป้อมเพชร จักษุแพทย์จากโรงพยาบาลพญาไท 2 ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษาดวงตาเพื่อไม่ให้เสี่ยงภาวะตากลัวแสง ที่เราสามารถทำตามได้ง่ายๆ 6 วิธี ดังนี้
#1 หลีกเลี่ยงการใช้สายตาเป็นเวลานาน
ควรพักสายตาทุก 20 นาที กระพริบตาถี่ๆ พัก 5 นาที และมองไปไกลๆ เนื่องจากทุกครั้งที่กระพริบตา เปลือกตาจะรีดผิวน้ำตาให้มาเคลือบผิวกระจกตา หรืออาจใช้น้ำตาเทียมหยอดตาเพื่อเพิ่มความชุ่นชื้นให้กับดวงตา
#2 ไม่อยู่ในที่แสงจ้า
เมื่อต้องใช้สายตา ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แสงไม่สว่างจนเกินไป ควรเป็นแสงที่สบายต่อสายตา หากอยู่ในอาคารอาจปิดม่านเพื่อช่วยลดแสงจากด้านนอก หรือหลีกเลี่ยงการออกไปในช่วงแดดจัด หลีกเลี่ยงอาการปวดตาได้เช่นกัน 
#3 เลือกหลอดไฟให้เหมาะสม
อ่ะ อย่าเพิ่งคิดว่าเอ๊ะ แล้วเรื่องหลอดไฟจะเกี่ยวอะไรด้วย บอกเลยว่ามันเกี่ยวไม่น้อยเลยล่ะ ไม่ควรใช้หลอดไฟสีขาวหรือเหลืองจนเกินไป ควรใช้หลอดไฟ warm light หรือที่มีแสงสีนวล มองแล้วสบายตามากขึ้น
#4 ใส่แว่นกันแดด หรือแว่นที่มีเลนส์ปรับแสง
เมื่อต้องออกกลางแจ้ง ควรสวมแว่นกันแดดเพื่อช่วยถนอมสายตา ไม่ให้แสงที่เข้ามาสว่างจ้าจนเกินไป หรือใครที่ใส่แว่นสายตาอยู่แล้ว อาจเพิ่ม option เลนส์กรองแสงเข้าไป แม้ว่าราคาจะสูงกว่าเลนส์ธรรมดา แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน
#5  เลือกคอนแทคเลนส์ที่มี่ค่าอมน้ำสูง
สำหรับคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ ควรเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีค่าอมน้ำ (Water Content) สูง  ซึ่งเป็นค่าปริมาณน้ำในตัวคอนแทคเลนส์นั่นเอง  ถ้ามีค่าอมน้ำสูงออกซิเจนก็จะไหลผ่านได้ดี ทำให้ใส่แล้วสบายตา ลองสังเกตดูเลนส์รายเดือนหรือรายวัน จะมีค่าอมน้ำสูงประมาณ 59% ถึง 66%  แต่เลนส์รายปีจะมีค่าอมน้ำประมาณ 38% ถึง 42% เท่านั้นเอง 
#6  ระวังการใช้เครื่องสำอาง
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา ทั้งอายไลน์เนอร์เอย มาสคาร่าเอย และหลีกเลี่ยงการต่อขนตาเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง 
หากใครที่เริ่มมีอาการผิดปกติ หรือสงสัยว่ากำลังมีภาวะตากลัวแสง ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อปรึกษาและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะดวงตาของเราก็ต้องการการดูแลรักษาที่ดีไม่ต่างจากอวัยวะอื่นๆ เลย!
 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0