วันที่ 13 พ.ย. 62 ความคืบหน้าจากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Warayoot Pinjai” ได้โพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ ขณะที่มีรถฟอร์จูนเนอร์คันหนึ่งชนพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่แล้วหนี ซึ่งผู้โพสต์ได้พยายามขี่รถมอเตอร์ไซค์ตามประกบรถคันดังกล่าวให้จอด เพื่อจะให้คนขับรถมารับผิดชอบ จากนั้นเจ้าของคลิปสามารถขี่ตามไปปาดหน้ารถคันดังกล่าวได้ขณะที่การจราจรติดขัด และให้คนขับรถฟอร์จูนเนอร์ลงมาจากรถ แต่รถคันดังกล่าวขับถอยหลังและพุ่งออกไปทันที จนรถของเจ้าของคลิปล้ม และพลเมืองดีรายอื่น ๆ เกือบโดนรถชนไปด้วย
โดย นายวรายุทธ ปิ่นใจ อายุ 35 ปี ผู้โพสต์คลิป เล่าว่า เหตุเกิดวันนี้เวลาประมาณ 16.00 น. ขณะที่ตนเองกำลังขี่รถไปทำงานจนมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุใต้สถานีรถไฟฟ้า ได้เห็นเหตุการณ์มีรถฟอร์จูนเนอร์คันดังกล่าวขับเฉี่ยวรถจักรยานยนต์สีดำ คนขี่รถจักรยานยนต์จึงลงจากรถไปเคาะกระจกรถฟอร์จูนเนอร์เพื่อจะเคลียร์ แต่คนขับฟอร์จูนเนอร์กลับขับรถหลบหนี ตนเองจึงเอาโทรศัพท์ มือถือขึ้นมาถ่ายคลิป ก่อนจะพยายามขี่รถตาม โดยมีพลเมืองดีที่อยู่ในคลิปที่เห็นเหตุการณ์พยายามช่วยกันขี่รถตามอีกหลายคัน เพื่อหวังจะให้คนขับรถฟอร์จูนเนอร์ลงมารับผิดชอบ
ตนเองขี่รถตามไปสักระยะหนึ่ง เห็นว่าคนขับฟอร์จูนเนอร์คันดังกล่าวไม่มีที่ท่าที่จะจอด จึงตัดสินใจขี่แซงไปขวางหน้ารถของรถฟอร์จูนเนอร์ไว้ ก่อนจะบอกให้คนขับรถลงมาจากรถ แต่คนขับก็ไม่ยอมลง เพียงแค่เปิดกระจกลงมาและไม่ยอมรับว่าผิด ก่อนที่เขาจะถอยรถและเร่งเครื่องพุ่งชนรถของตนเองที่จอดขวางอยู่อย่างจัง และลากกล่องใส่ของที่อยู่ท้ายรถของตนเองไปไกลกว่า 3 เมตร จนกล่องแตกกระจาย โชคดีที่ทรัพย์สินที่อยู่ในกล่องไม่ได้รับความเสียหาย ก่อนที่จะมีพลเมืองดีโทร. แจ้งตำรวจจนสามารถไปสกัดจับคนขับได้ในที่สุด
ล่าสุด ที่ สน.คลองตัน ตำรวจสอบสวนคนขับรถฟอร์จูนเนอร์ ทราบชื่อคือ พล.ต.สุรศักดิ์ จิตต์บุญ อายุ 58 ปี และทราบว่าหลังจากเกิดเหตุ บริษัทประกันภัยได้ตั้งเป็น 2 กรณี คือกรณีที่เฉี่ยวรถจักรยานยนต์สีดำ ซึ่งกรณีนี้ พล.ต.สุรศักดิ์ไม่ยอมรับและอ้างว่าตนเองไม่ได้เป็นฝ่ายผิด เพราะไม่รู้ว่าไปเฉี่ยวชนตอนไหน ส่วนอีกกรณีคือขับรถพุ่งชนพลเมืองดีที่เข้าห้ามการขับหนีจนได้รับความเสียหาย บริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครองและชดใช้ให้ผู้ก่อเหตุ เพราะเป็นการจงใจ แต่จะรับผิดชอบค่าเสียหายให้คู่กรณีทั้งหมด
หลังจากนั้นทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัว พล.ต.สุรศักดิ์ไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ สน.หัวหมาก เพื่อเป็นหลักฐานต่อการดำเนินคดี โดยระหว่างเจ้าหน้าที่นำตัวขึ้นรถ พล.ต.สุรศักดิ์กล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตนเองไม่รู้สึกว่าเป็นคนผิด เพราะไม่รู้ว่าไปขับรถเฉี่ยวชนตอนไหน และอยู่ ๆ ก็มีคนมาล้อมรถของตนเอง ตนเองก็ตกใจเลยก่อเหตุดังกล่าว ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ผิด และจะไม่รับผิดชอบอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ล่าสุดตำรวจแจ้ง 2 ข้อหากับ พล.ต.สุรศักดิ์ คือ ทำให้เสียทรัพย์ และขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย ส่วนผลตรวจร่างกายไม่พบแอลกอฮอล์