เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดี 18 คลินิกทุจริตเงินบัตรทอง และสอบขยายผลพบข้อมูลไม่ถูกต้องอีก 63 แห่งว่า ในส่วนของคลินิก 18 แห่ง เบิกเงินไม่ถูกต้อง ต้องเรียกคืน 74,397,720 บาท ได้คืนแล้ว 60,773,809 บาท คงเหลือยอดค้างชำระรอเรียกคืน ณ วันที่ 30 มิ.ย. 63 จำนวน 13,623,911 บาท ขณะนี้ได้แจ้งความดำเนินคดี และส่งเรื่องให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, แพทยสภา และอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีผู้ประกอบวิชาชีพอื่นด้วยหรือไม่ เพื่อดำเนินการเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพแล้ว ล่าสุดคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็ได้ประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวต่อว่า ส่วนการขยายผลการตรวจสอบคลินิกพบข้อมูลไม่ถูกต้องอีก 63 แห่ง ต้องเรียกเงินคืน 2,473,600 บาท ซึ่งแต่เมื่อแจ้งผลการตรวจสอบให้หน่วยบริการรับทราบ ก็มีหน่วยบริการ 11 แห่งขออุทธรณ์ผลการตรวจสอบ ส่วนอีก 52 แห่งไม่อุทธรณ์
ด้าน นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สำหรับกรณีวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีอดีตผู้บริหาร สปสช. ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาคลินิก มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ขัดกับระเบียบ สปสช.หรือไม่ จริงๆ ไม่เกี่ยวข้อง แต่หากจะถามว่าผิดกฎหมายอื่นหรือไม่ คงไม่ใช่บทบาท สปสช.เป็นคนชี้ แต่ต้องเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็นคนดำเนินการ แต่จากการตรวจสอบคลินิก 45 ในรอบแรกจนพบ 18 แห่ง และการตรวจสอบขยายผล 86 คลินิก พบข้อมูลไม่ถูกต้อง 63 คลินิกนั้นก็ไม่มีอดีตผู้บริหารสปสช.เกี่ยวข้อง ซึ่งหากเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการในมาตรฐานเดียวกัน
“ส่วนเรื่องคลินิก 63 แห่งนั้น เราตรวจสอบพบว่า ไม่มีเอกสารหลักฐานของประชาชนที่เข้ารับการตรวจคัดกรอง แต่ยังไม่พบทุจริตในส่วนนี้ ซึ่งจะลงตรวจสอบอย่างละเอียด 63 คลินิกอีกในระหว่างวันที่ 30 ก.ค.-11 ส.ค. แต่ในวันที่16 ก.ค.คณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร หรือ อปสข.กทม. จะประชุมรายงานผลเรื่องนี้” นพ.การุณย์ กล่าว.
