โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี จับตาประเด็นการเจรจาการค้าฯ

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 14 ต.ค. 2562 เวลา 02.03 น. • เผยแพร่ 14 ต.ค. 2562 เวลา 02.02 น.
ธงสหรัฐ-จีน-เงินบาท-e1544671427328
แฟ้มภาพ

เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี ก่อนลดช่วงบวกลงบางส่วน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยพลิกบวกปลายสัปดาห์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทอ่อนค่ากลับมาช่วงปลายสัปดาห์ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 ปีที่ 30.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนในประเด็นการเจรจาการค้า และระหว่างสหภาพยุโรปและอังกฤษในเรื่องรายละเอียดของข้อตกลง BREXIT อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกดังกล่าวลงในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากที่ธปท. ส่งสัญญาณเตรียมจะออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทใน 1-2 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ แรงหนุนสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นรับความคาดหวังเชิงบวกต่อผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ก็อาจเป็นอีกปัจจัยกดดันของเงินบาทด้วยเช่นกัน

ในวันศุกร์ (11 ต.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 30.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.44 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (4 ต.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (14-18 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.25-30.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าหลังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทางออกของเรื่อง BREXIT ผลการประชุม EU summit รวมถึงสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย เดือนต.ค. ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯ เดือนส.ค. และรายงานภาวะเศรษฐกิจของเฟด (Beige Book) นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/62 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยพลิกกลับมาปิดบวกปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,626.00 จุด เพิ่มขึ้น 1.25% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,274.35 ล้านบาท ลดลง 14.31% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง 0.23% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 336.53 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากตลาดรอประเมินผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนและ BREXIT อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ร่วงลงในเวลาต่อมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยหลังธนาคารโลกปรับลดตัวเลขคาดการณ์จีดีพีในปีนี้และปีหน้าลง ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากรายงานข่าวเชิงบวกซึ่งกระตุ้นความคาดหวังของตลาดต่อผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนในสัปดาห์นี้ รวมถึงความเป็นไปได้ในการบรรลุข้อตกลง BREXIT ระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (14-18 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,615 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,635 และ 1,650 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/62 ประเด็นการค้าสหรัฐฯ-จีน และ BREXIT ตลอดจนถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. รวมถึงผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนต.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/62 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ย.ของจีน รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย. ของญี่ปุ่น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0