โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

เคลลี่ ปลอบใจตัวเอง โชคดีได้คืนค่านาฬิกาครึ่งนึง

Khaosod

อัพเดต 14 ก.ค. 2563 เวลา 02.08 น. • เผยแพร่ 13 ก.ค. 2563 เวลา 11.11 น.
Unt

เคลลี่ ปลอบใจตัวเอง โชคดีได้คืนค่านาฬิกาครึ่งนึง

จากกรณีเจ้าหน้าที่บุกจับนายอนุรักษ์ หรือ โอ บรรณเทิงขจร อายุ 37 ปี เจ้าของร้านขายนาฬิกาหรู ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ หลังนำนาฬิกาหรูที่ลูกค้านำมาซ่อม และฝากขาย ไปขายก่อน เพื่อเอาเงินมาหมุน ซึ่งหนึ่งในลูกค้าที่ถูกนำนาฬิกาไปขายก็คือเคลลี่ ธนะพัฒน์ ผู้สื่อข่าว ข่าวสดออนไลน์ ต่อสายตรงถึงนักแสดงหนุ่มเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น


โดยนักแสดงหนุ่มเผยว่า “ผมทราบข่าวเมื่อวาน ก็ตกใจเหมือนกันนะ โดนกันเยอะ แต่ในกรณีของผม ต้องบอกก่อนว่าผมเคยซื้อนาฬิกาจากที่นี่ ไปให้คุณแม่ของภรรยา ซื้อให้ตัวเอง แล้วก็ขายเปลี่ยนรุ่นกับที่นี้มาก่อน ซึ่งก็ไม่เคยมีปัญหา กับคนอื่นที่เขาซื้อจากที่นี่ก็ไม่มีปัญหา

 จนเมื่อปลายปีที่แล้ว มีเรือนนึงที่เราฝากขาย เขาน่าจะเอาไปโปะหนี้ของเขาตามข่าว แต่ว่าทางผมก็ไม่ได้ไปแจ้งความอะไร ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเขาเอาไปทำอะไร รู้ว่าเขาขาย แต่ไม่รู้ว่าเอาเงินไปทำอะไร แล้วเขาก็ทะยอยจ่ายเงินให้เรามารวมๆ แล้วประมาณครึ่งนึง เราก็เลยไม่ได้ไปแจ้งความ ให้โอกาสเขาได้มาใช้หนี้ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้”


ได้คุยกับผู้เสียหายท่านอื่นไหม อย่าง เชียร์ ฑิฆัมพร โดนหนัก
“สงสารน้อง เพิ่งทราบข่าวเมื่อวานตอนค่ำ เพิ่งรู้ว่าคนซื้อนาฬิกาจากเขาเยอะ ผมยังไม่ได้คุยกับเชียร์เรื่องนี้เลย เพราะว่าพอมันเป็นเรื่องทางกฎหมาย เราก็ไม่รู้ว่ายังไง คิดว่าคงมีคนคุยกับเขาเยอะ”

อ่าน :จับเสี่ยกลางร้าน! เอานาฬิกา 1.5 ล้าน ของ "เชียร์ ฑิฆัมพร" ไปขาย หลังเอามาซ่อม

ส่วนตัวจะมีการดำเนินคดีกับเขาไหม
“เราไม่ทราบเหมือนกันว่าต้องทำอย่างไร ในแง่ทางกฎหมายเราให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะเราก็สงสารคนที่โดนเยอะๆ ของผมยังถือว่าน้อยพอเอาไปเทียบกับตัวเลขของคนอื่นๆ และของผมก็ยังได้มีการผ่อนคืน คิดว่าคนอื่นน่าจะมีการผ่อนคืนเหมือนกัน แต่มากน้อยแค่ไหนอันนี้ไม่ทราบครับ”

ตอนแรกเขาได้บอกเหตุผลไหมว่าทำไมเอาไปขายแล้วไม่ให้เงินเรา
“ไม่ได้บอกเหตุผลอะไรเลย เท่าที่ย้อนกลับไปดูไลน์ที่คุยกับเขา เป็นเมื่อช่วงธันวาคมปีที่แล้ว บอกเขาว่าขอนาฬิกาคืนแล้วกัน ถ้ายังไม่ขาย แสดงว่าเราคุยกับเขาเรื่องนี้น่าจะประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม หลังจากนั้นน่าจะมีการคุยกัน

แต่ว่าผมจำไม่ได้ ที่จำได้คือเขาให้คืนมาแล้วครึ่งนึง หลังจากนั้นพอเรารู้ว่าเขามีปัญหาเรื่องเงิน ก็คิดว่าเขาคงค่อยๆ ทะยอยจ่าย ส่วนนึงก็ทำใจไว้แล้ว ยิ่งพอเห็นคนอื่นโดนหนักรู้สึกว่าเราคงไม่ได้คืนแล้ว”

มูลค่านาฬิกาของเราที่เขาเอาไปขายราคาประมาณเท่าไหร่
“ราคา 4 แสนบาทครับ แต่ได้มาครึ่งนึงแล้ว คือตอนนั้นเราก็ไม่รู้จะยังไง เพราะว่าถ้าเราไปแจ้งความเขาติดคุก แล้วเขาก็ไม่มีโอกาสคืน ซึ่งเราก็ยังมีความหวัง ผมไม่ได้มองแค่ตัวเอง ยังมองคนใกล้ตัวผมที่เป็นพี่ชายผม ที่เขาโดน ผมก็มองตรงนี้ว่าเราพยายามเจรจา อีกฝั่งเขาก็เจรจาเหมือนกัน แต่พอไม่คืบหน้าเขาก็ให้ทนายจัดการ แล้วเรื่องมันก็เลยเป็นข่าว”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0