โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เครื่องเคียงข้างจอ / วัชระ แวววุฒินันท์/สงกรานต์ ปี ’62

มติชนสุดสัปดาห์

เผยแพร่ 20 เม.ย. 2562 เวลา 13.30 น.
วัชระ

เครื่องเคียงข้างจอ / วัชระ แวววุฒินันท์

สงกรานต์ ปี ’62

 

มาถึงอีกแล้วครับ เทศกาลที่ได้ชื่อว่าสนุกสุดสุดของไทย

ไม่สนุกเฉพาะคนไทย แต่เลยไล่ไปถึงชาวต่างชาติ ที่ต่างพากันเดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใน “เทศกาลสงกรานต์” ของไทย

จังหวัดที่ขึ้นชื่อลือชาติดเรตติ้งต่อเนื่องมาอย่างยาวนานก็คือ จ.เชียงใหม่

แต่ในปีนี้ โดนราหูมาอมเสียอย่างนั้น จากหมอกควันและฝุ่นละอองที่หนาแน่นในปริมาณเกินมาตรฐานไปไม่รู้กี่เท่า จากเกณฑ์มาตรฐานของโลกไม่ควรเกิน 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร กลับเลยพุ่งไปถึงกว่า 700 เข้านั่น

ผลคือยอดการท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ ลดฮวบ

นี่คือผลที่ส่งมากระทบกับชาวโลกอย่างชัดๆ และเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ความเลวร้ายจากการผันแปรของธรรมชาติที่จะเล่นงานเอาคืนมนุษย์ออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง

ผลกระทบนั้นมันกระทบไปหมดในทุกกิจกรรม

แม้แต่จะเตะบอลไทยลีกกันก็ยังต้องย้ายสนามแข่ง จากที่ จ.เชียงรายจะเป็นทีมเหย้า ก็ต้องเปลี่ยนเป็นทีมเยือน เพื่อหลีกเลี่ยงพิษหมอกควันและฝุ่น

ไม่แต่เฉพาะเขตทางเหนือ แต่ในจังหวัดอื่นๆ ที่อยู่ต่ำลงมาก็ยังคงต้องจับตาเฝ้าระวังเรื่องฝุ่นอยู่เสมอ เพราะหลายพื้นที่ยังคงได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย

สงกรานต์ปีนี้คงต้องสาดน้ำไปพร้อมใส่หน้ากากอนามัย สนุกเขาละ

 

มาถึงเรื่อง “นางสงกรานต์” ประจำปีนี้กันบ้าง

กกต.ได้ประกาศ เอ๊ย…ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศออกมาแล้วว่านางสงกรานต์ปีนี้มีชื่อว่า “นางทุงษะเทวี” ซึ่งจากตำราบอกไว้ว่าเป็นนางฟ้าที่ทำหน้าที่ประจำวันอาทิตย์ วันสงกรานต์ปีนี้ วันที่ 14 เมษายนตรงกับวันอาทิตย์ เป็นวันที่นางทุงษะเทวีเข้ากะทำงานพอดี

ต้องขอขยายความถึงเรื่องราวความเป็นมาของนางสงกรานต์สักหน่อย มีบันทึกไว้บนจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เล่าว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่งไม่มีลูกไว้สืบสกุล อุตส่าห์ไปติดสินบน เอ๊ย ไปบวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐานขอบุตรอยู่นานกว่าสามปีก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีบุตร แกขออย่างเดียวแต่ลืมทำด้วยรึเปล่าเราก็ไม่รู้นะ

วันหนึ่ง เศรษฐีได้ไปหุงอาหารบูชา อธิษฐานขอบุตรกับรุกขเทวดาที่ต้นไทรแห่งหนึ่ง รุกขเทวดาเห็นใจเศรษฐี จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ไม่ช้าพระอินทร์ก็ประทานเทพบุตรให้องค์หนึ่งนามว่า “ธรรมบาล” ให้ลงไปเกิดในครรภ์ภรรยาเศรษฐี และแล้วเศรษฐีก็มีลูกสมใจ ตั้งชื่อให้ว่า “ธรรมบาลกุมาร” และได้ปลูกปราสาทไว้ใต้ต้นไทรให้ลูกคนนี้อยู่อาศัย

เมื่อโตขึ้น ไม่รู้ไม่มีใครคบด้วยรึเปล่า ธรรมบาลกุมารจึงได้ไปคุยเล่นกับนก จนเรียนรู้ภาษานกได้ เมื่ออายุได้ 7 ขวบ ท้าวกบิลพรหมได้ลงมาจากฟ้ามาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ต้องตอบให้ได้ภายใน 7 วัน โดยตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ก็จะตัดเศียรตัวเองเพื่อบูชา แต่ถ้าตอบไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารแทน …ทำไมคิดอะไรแผลงๆ อย่างนี้กับเด็กอายุ 7 ขวบก็ไม่รู้

ปัญหาที่ถามก็คือ “ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน”

ธรรมบาลกุมารฟังคำถามแล้วก็อึ้ง อดคิดไม่ได้ว่า ให้ตอบว่า “ใครจะได้จัดตั้งรัฐบาลกันแน่” อาจจะตอบง่ายกว่า จะค้นในกูเกิลสมัยนั้นก็ยังไม่มี

 

ธรรมบาลกุมารใช้เวลาคิดอยู่ 6 วันก็คิดไม่ออก วันหนึ่งก็ลงจากปราสาทมานอนเล่นอยู่ใต้ต้นไทร เผอิญมีนกอินทรี 2 ตัวผัว-เมียมาเมาธ์มอยกัน นับเป็นโชคดีที่ธรรมบาลกุมารสามารถฟังภาษานกได้ นก 2 ตัวนั้นคุยว่าจะรอกินศพธรรมบาลกุมาร เพราะคงตอบคำถามไม่ได้ชัวร์ นกตัวเมียถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร นกตัวสามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้

นกผู้เป็นสามีจึงเฉลยว่า “ตอนเช้าศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุกๆ เช้า ส่วนตอนเที่ยงศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก พอตอนเย็นศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน”

ถามจริง เป็นนกคิดได้ยังไงเนี่ย…คนธรรมดาอย่างเรายังไม่รู้เลย

เมื่อได้ยินดังนั้น วันรุ่งขึ้นธรรมบาลกุมารได้นำคำตอบที่แอบได้ยินมาไปตอบกับท้าวกบิลพรหม ปรากฏว่า…ถูกต้องครับผม

เมื่อท้าวกบิลพรหมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ต้องตัดเศียรตัวเอง ท้าวกบิลพรหมจึงได้เรียกธิดาทั้งเจ็ดมาประชุมพร้อมกัน แล้วบอกว่าจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร ตามคำท้าไว้ แต่ปัญหาก็คือ พระเศียรของพระองค์หากตกไปอยู่ที่ใดก็จะเป็นอันตรายต่อที่นั่น เหมือนระเบิดปรมาณูยังไงไม่รู้

ท้าวกบิลพรหมจึงมอบหมายให้ธิดาทั้ง 7 ผลัดเวรกันนำพานมารองรับเศียรไม่ให้หล่นไปใส่ใคร โดยให้นางทุงษะเทวีผู้เป็นธิดาองค์โตเป็นผู้เริ่มต้นคนแรก ในวันอาทิตย์ ซึ่งนางทุงษะก็เชิญพระเศียรของท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที จากนั้นนำไปประดิษฐานไว้ในถ้ำคันธชุลี ณ เขาไกรลาส และเมื่อครบกำหนด 365 วันเวียนมาถึงวันมหาสงกรานต์อีกครั้ง เทพธิดาทั้ง 7 ก็จะทรงพาหนะของตน ผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรของบิดาออกแห่ ทำเช่นนี้ทุกๆ ปี

เนื่องจากเทพธิดาทั้ง 7 ปรากฏตัวในวันมหาสงกรานต์เป็นประจำ จึงได้ชื่อว่า “นางสงกรานต์”

 

สําหรับ “นางทุงษะเทวี” ตามตำรากล่าวไว้ว่า นางจะทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ

คำทำนายทายว่า พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่สู้จะงอกงามนัก ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันเนา ข้าวจะตายฝอย คนต่างด้าวจะเข้าเมืองมาก ท้าวพระยาจะร้อนใจ ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันเถลิงศกพระมหากษัตริย์ จะมีพระบรมเดชานุภาพ ปราบศัตรูได้ทั่วทุกทิศ

หากดูตามเหตุการณ์บ้านเมืองเราตอนนี้ ที่ความรู้สึกนั้นแสนจะร้อนรุ่มเหมือนสุมเพลิง ไม่เฉพาะร้อนรุ่มเพราะสภาพอากาศ แต่ร้อนเร่าด้วยเหตุการณ์ทาง “การเมือง” ก็เป็นได้ว่า คำทำนายนั้นไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

แต่หากจะดูถึงสภาพความเป็นจริงของเมืองไทยตอนนี้ นางสงกรานต์ปีนี้น่าจะต้องมีออปชั่นเสริมไว้ปรับเปลี่ยนสักหน่อย

อย่างเช่น นางจะทรงอาภรณ์แก้วก็ได้ แต่ควรจะสวมหน้ากากอนามัย N95 เพื่อกันฝุ่นด้วย

หรือหัตถ์ซ้ายจะทรงจักรก็ไม่ว่ากัน ส่วนหัตถ์ขวาจะถือหอยสังข์ก็ตามใจ แต่น่าจะเหน็บแบงก์ร้อยที่แตกมาจากแบงก์พันเผื่อไว้บ้าง เอาไว้ใช้ซื้อตัว ส.ส.มาเข้าคอกเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะลำพังกับจักรและหอยสังข์ พวกนักธุรกิจการเมืองเขาไม่รู้จะเอาไปทำอะไร

ส่วนครุฑที่ทรงมานั้น น่าจะมีอีกยานพาหนะหนึ่งเผื่อไว้ เกิดครุฑเหนื่อยบินไม่ไหวก็จะขอเสนอพาหนะสำรองเป็น “รถถัง” จะดีไหม เพราะยังไงเสียก็ยังมีแสนยานุภาพไม่น้อย งั้นคนอย่างเราๆ ท่านๆ คงไม่ตกอกตกใจทุกทีเวลามีรถถังขยับเคลื่อนพล

สงกรานต์ปีนี้ จะสาดน้ำกันอีท่าไหนก็สาดไป ขอให้สนุกสนานกันตามสมควร และอยู่รอดปลอดภัยให้มีชีวิตกลับมาลุ้นเรื่องตั้งรัฐบาลกันต่อหลังสงกรานต์ผ่านไปแล้ว

บางทีการสาดสีสาดโคลนกันทางการเมืองจะรุนแรงกว่าสาดน้ำสงกรานต์ก็เป็นได้

สวัสดีปีใหม่ไทยนะครับผม

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0