โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เครื่องมือสกัดพฤติกรรมใช้เงินฟุ่มเฟือย

Money2Know

เผยแพร่ 16 ก.ย 2561 เวลา 23.00 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
เครื่องมือสกัดพฤติกรรมใช้เงินฟุ่มเฟือย

เมื่อไม่นานมานี้มีสถาบันการเงินติดต่อขอสัมภาษณ์ถามเรื่องทัศนคติในการออมของดิฉันหลายๆคนอาจจะได้เคยเห็นบทสัมภาษณ์นี้ไปแล้วแต่หลายๆคนอาจจะยังไม่เห็นดังนั้นMoney Care วันนี้จึงขออนุญาตเขียนเรื่องตัวเองนะคะโดยข้อเขียนวันนี้จะแบ่งเป็น2 ส่วนค่ะส่วนแรกดิฉันขอตัดทอนจากที่เคยให้สัมภาษณ์เรื่องการออมและส่วนที่สองจะเพิ่มเติมให้เรื่องของเครื่องมือที่ใช้สกัดพฤติกรรมการใช้เงินฟุ่มเฟือยของตัวเอง

ถือว่าเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองก็แล้วกันค่ะใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอันนี้ก็ต้องสุดแล้วแต่

ว่าด้วยทัศนคติในเรื่องการออม ดิฉันให้สัมภาษณ์ไปว่า ถึงแม้ชีวิตการงานของดิฉันจะมีความหลากหลาย ทั้งการเป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุ “เงินทองต้องรู้” ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุคลื่นความถี่ 90.5 เมกะเฮิร์ตซ มายาวนานถึง 15 ปีเต็ม การเป็นวิทยากรประจำรายการ “ทีเด็ดลูกหนี้” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 33HD การเป็นคอลัมนิสต์ประจำในเว็บไซต์ Money2Know ไม่นับรวมการเป็นผู้ดำเนินรายการสัมมนา การเป็นวิทยากรรับเชิญไปบรรยายในองค์กรต่างๆ ซึ่งทุกงานล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการลงทุน เรื่องการบริหารจัดการเงิน แต่เชื่อหรือไม่คะว่า หลักคิดเรื่องเงินของดิฉันตลอด 25 ปีของการทำงาน มีเพียงหลักคิดเดียวและเป็นหลักคิดสั้นๆ ง่ายๆ ที่ลงมือทำจริงๆ มาโดยตลอด นั่นคือ ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้

จะหาได้น้อยหรือหาได้มากก็ใช้ให้น้อยกว่าที่หาจะได้มีเหลือเก็บและตัดปัญหาหนี้สินที่มักจะเกิดจากการที่เราใช้มากกว่าที่หาได้

ด้วยวัตรปฏิบัติแบบนี้ สิ่งที่ตามมา ก็คือ เงินออมของเราก็จะพอกพูนขึ้น และคำถามที่ตามมา ก็คือ เราจะจัดการอย่างไรกับ “เงินออม” เหล่านี้ ซึ่งดิฉันมักเรียกด้วยศัพท์เฉพาะตัวเปรียบเทียบ “เงินออม” เหมือน “น้ำในถัง” ที่เราต้องคอยวัดระดับน้ำ เมื่อน้ำพร่องก็ต้องเร่งเติม เมื่อน้ำล้นก็ต้องหาทางระบายออกด้วยการนำไปแสวงหาผลตอบแทนที่เหมาะสม ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่ “บัญชีเงินออม” หรือจริงๆ ก็คือ “บัญชีเงินฝาก” (เพราะเราไม่ได้ขุดดินฝังเงินออมไว้ หรือพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วย) มันเริ่มจะล้นๆ เพราะเราใช้น้อยกว่าที่หาได้ไปเรื่อยๆ เราก็ต้องมองหาเครื่องมืออื่นเพื่อระบายน้ำ

ถามว่า ทำไมต้องระบาย ก็เพราะมันมีสิ่งที่เราเรียกว่า “ผลตอบแทน” เข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ดอกเบี้ยเงินฝากนั้นให้ผลตอบแทนต่ำ แต่ความเสี่ยงก็ต่ำมาก โอกาสที่จะไม่ได้เงินต้นคืนนั้นน้อยมากๆ หรือไม่มีเลย เพราะเดี๋ยวนี้มีมาตรการคุ้มครองเงินฝาก การันตีการได้คืนตามเงื่อนไข ดังนั้น ส่วนหนึ่งเราต้องเก็บเป็นเงินฝากรองรังไว้ก็ถูกต้องแล้วค่ะ แต่จะให้ฝาก “น้ำในถัง” ทั้งหมดไว้ในบัญชีเงินฝากนี่ก็ไม่ใช่ละ เพราะผลตอบแทนจะไม่สามารถงอกเงยแบบที่เราต้องการได้เลย

เครื่องมือในการระบายน้ำในถังของดิฉันคือการถ่ายโอนเงินฝากที่ล้นๆเกินความจำเป็นไปในใส่ในกองทุนรวมใครที่ไม่รู้ว่ากองทุนรวมคืออะไรแนะนำให้เข้าไปศึกษาข้อมูลที่เว็บไซต์นี้เลยค่ะhttps://www.wealthmagik.com/ 

ความตั้งใจในการเข้าลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น (ไม่เกี่ยวกับกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่าง LTF และ RMF) มีอยู่ 2 ประการ หนึ่ง คือ ลงทุนเพื่อวัยเกษียณเหมือนเป็นการออมทางหนึ่งเหมือนกัน แต่ผลพลอยได้ในประการที่สอง คือ ผลตอบแทนที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก

เพิ่งมาเห็นผลพลอยได้ประการที่3 เมื่อไม่นานมานี้เองนั่นคือกองทุนรวมเป็นเครื่องมือในการสกัดหรือลดทอนอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยในทางฟุ่มเฟือยได้เฉยเลย!!

ถ้าได้อ่านตั้งแต่แรก จะเห็นว่า ดิฉันทำงานหลายอย่างและมีรายได้หลายทาง เมื่อยิ่งหาได้มากแต่ใช้น้อย ดิฉันจึงมีเงินเหลือออมมาก ยิ่งเหลือมากแล้วอยู่ในธนาคารทั้งหมด ก็มีโอกาสสุ่มเสี่ยงหรือย่ามใจกับการนำเงินออกมาใช้สอยฟุ่มเฟือย อยากได้โทรศัพท์รุ่นใหม่ อยากได้เครื่องประดับใหม่ อยากได้กระเป๋าใหม่

มนุษย์เงินเดือน ทำงานหนัก หาเงินได้ มันมีกิเลส ก็ “อยากโน่นอยากนี่” ทุกคนแหละค่ะ อย่าไปปฏิเสธเลย ดิฉันเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ดังนั้น ถ้าเงินส่วนใหญ่ของเราอยู่ใน “แบงก์” ซึ่งมีสภาพใกล้เคียงกับเงินสดในกระเป๋าสตางค์มาก แค่ใช้บัตรกดเบิกถอน หรือเดี๋ยวนี้ใช้แค่แอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ที่เชื่อมโยงกับบัญชีธนาคาร อยากได้อะไรก็กดมือถือ 2-3 ที เงินก็ปลิวออกจากแบงก์ไปแล้ว

พอเงินส่วนมากจากการทำมาหากินตามปกติมันถูกล็อคในกองทุนรวมความอยากมันก็จะหายไปครึ่งนึงเลยค่ะเพราะกว่าจะสั่งขายกองทุนกว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีระหว่างทางมันมีกระบวนการที่สร้างความถ่วงใจให้ความอยากของเราลดลงไปเยอะเลยพอหันมาดูเงินฝากในแบงก์เราก็มีพอแค่สำหรับใช้จ่ายฉุกเฉินจะเอาออกไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็ไม่ได้สุดท้ายก็เลยตัดใจไอ้ที่อยากได้ก็ไม่อยากได้แล้ว

นอกเหนือจากกองทุนรวมจะช่วยล็อคเงินไม่ให้เราใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแล้วยังช่วยทำให้เราปฏิเสธเวลามีคนมายืมเงินได้แบบไม่ลำบากใจด้วยค่ะอันนี้เรื่องจริง!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0