‘เสียวหมี่’ เตรียมลุยตลาดอีโคซิสเตมส์ หลังได้รับการตอบรับอย่างดีในตลาดสมาร์ทโฟน ประเดิมต้นปีรับอานิสงค์จากเหตุการณ์ฝุ่น PM 2.5 ทำเครื่องฟอกอากาศขาดสต็อก คาดภายในสัปดาห์หน้ากลับมาวางจำหน่ายได้ตามปกติ ขณะเดียวกันช่วงกลางปีเตรียมนำสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม
นายจอห์น เฉิน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาผลประกอบการณ์ของเสียวหมี่ ถือว่ามีการเติบโตสูงมากจนปัจจุบันยอดขายสมาร์ทโฟนเสียวหมี่ทั่วโลกขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 แล้ว
โดยแนวคิดหลักของเสียวหมี่ ยังคงอยู่ที่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีในระดับราคาที่เหมาะสม เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน และกลุ่มอีโคซิสเตมส์ หรือผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
“เพื่อรักษาการเติบโต และยอดขายของเสียวหมี่ ก่อนหน้านี้ทางซีอีโอได้มีการประกาศลงทุนวิจัยและพัฒนาเพิ่มอีก 1.5 หมื่นล้านเหรียญในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นเฉพาะกลุ่มสินค้า IoT ที่มีการนำ AI เข้ามาช่วย”
ขณะเดียวกัน จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในไทย ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียวหมี่นำเข้ามาทำตลาดก่อนหน้านี้อย่าง เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 2s ขาดตลาดไปเรียบร้อยแล้ว และทางผู้บริหารเสียวหมี่ ให้ข้อมูลว่าสินค้าจะเข้ามาพร้อมจำหน่ายในช่วงสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เสียวหมีเริ่มพิจารณานำสินค้าในกลุ่มอีโคซิสเตมส์อื่นๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยต่อไป โดยเฉพาะในกลุ่มของเครื่องฟอกอากาศ หน้ากากกันฝุ่นรุ่นต่างๆ เพราะก่อนหน้านี้ จนถึงปัจจุบันประเทศจีนในหลายๆจังหวัดก็เผชิญเหตุการณ์ฝุ่น PM 2.5 อยู่เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเสียวหมี่ ถือเป็นแบรนด์ที่มีทั้งสินค้าในกลุ่มของสมาร์ทโฟน และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพียงแต่ว่าที่เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทย จะเป็นกลุ่มสมาร์ทโฟนก่อน และคาดว่าภายในปีนี้จะมีการเพิ่มสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าให้หลากหลายขึ้น เพราะเพิ่งได้พันธมิตรรายใหม่มาช่วยทำตลาด