เครื่องฟอกอากาศขาดตลาด หลังคนกรุงเผชิญฝุ่นพิษ

ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กที่ยังเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ประชาชนบางส่วนลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศ แม้ต้องรอสินค้าไม่น้อยกว่า 2-7 วัน หลังสต็อกขาดตลาด

วันนี้ (17 ม.ค.2562) ผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ชาร์ป ไทย กล่าวว่า ยอดจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณนำเข้าเพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่กังวลผลกระทบสุขภาพจากฝุ่นขนาดเล็ก สำหรับสินค้าชนิดนี้เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุในบ้าน คาดว่าทั้งปียอดขายสินค้าดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตัว จากอัตราการเติบโตปกติเฉลี่ย ร้อยละ 20 ต่อปี ขณะที่

นายทศพร ดิษฐโรจน์ ผู้บริโภค บอกว่า หน่วยงานรัฐยังขาดมาตรการบรรเทาปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในพื้นที่ชานเมือง ซึ่งยังพบเห็นการก่อสร้างงานโครงสร้างพื้นฐานโดยปราศจากมาตรการลดมลพิษ จึงจำเป็นต้องลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศเพื่อความสบายใจ

ขณะที่ นพ.กิติพงษ์ พนมยงค์ หัวหน้าศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ด้านอาชีวเวชศาสตร์ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ เพราะการหลีกเลี่ยงอยู่ภายนอกตัวอาคารก็เพียงพอต่อการบรรเทาผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ส่วนกลุ่มเสี่ยงทางสุขภาพ เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก ควรให้ความสำคัญกับการสวมหน้ากากอนามัยมากกว่าใช้เครื่องฟอกอากาศ

ด้านนายเจมส์ ตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ยอดขายหน้ากากอนามัย เอ็น 95 เพิ่มขึ้นถึง 240 เท่าตัว และยังพบว่าผู้ใช้บริการเข้าเว็บไซต์เพื่อค้นหาข้อมูลและราคาเกี่ยวกับหน้ากาก และเครื่องฟอกอากาศมากกว่า 100,000 ครั้งต่อวัน