โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เครียดมาก ทำไงดี - อุ๋ย นที เอกวิจิตร์

THINK TODAY

เผยแพร่ 15 ต.ค. 2562 เวลา 09.55 น. • อุ๋ย นที เอกวิจิตร์

มีคนเคยบอกไว้ว่า ถ้าชีวิตเจอกับอุปสรรคและปัญหา ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าชีวิตราบรื่นไปหมดนี่สิ ผิดปกติ

ลองนั่งนึกดูว่าตั้งแต่เกิดมาเราเคยเจอใครที่ชีวิตไม่มีปัญหาบ้าง จะรวยจะมีชื่อเสียงจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหนก็ต้องผ่านปัญหามาก่อนกันทั้งนั้น

ปัญหาหรืออุปสรรคก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะเจอ คนส่วนใหญ่เวลาขอพรก็ขอให้ไม่พบอุปสรรคในชีวิต 

แต่เวลาเราดูหนังหรือดูภาพยนตร์ถ้าตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่องพระเอกหรือนางเอกสมหวังทุกประการไม่เคยเจออุปสรรคอะไรเลยคงจะสนุกแค่ช่วงแรกๆ ผ่านไปสักพักคงเป็นภาพยนตร์ที่น่าเบื่อมาก หรือ เวลาเราเล่นเกมแล้วมีสูตรที่ทำให้ตัวเราเป็นอมตะ หรือมีเงินใช้ได้ไม่จำกัดในเกม มันก็จะสนุกในช่วงแรก ๆ ผ่านไปสักพักก็จะหมดความตื่นเต้นแล้วก็ไม่เห็นความสนุกในการเล่นเกมนั้น ไม่รู้จะเล่นไปทำไม โดนยิงเท่าไหร่ก็ไม่ตายเงินใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด 

แปลว่าปัญหาหรืออุปสรรคก็ให้อะไรกับชีวิตเราได้เหมือนกัน อย่างแรกวันที่ปัญหาหรืออุปสรรคมันผ่านไปแล้วเราก็จะกลายเป็นคนที่มีความสุขทันที เปรียบเหมือนคนที่จะจมน้ำแล้วหายใจไม่ออกพอมีคนมาช่วย ได้กลับขึ้นมาหายใจปกติอีกครั้ง ลมหายใจนั้นก็จะเป็นลมหายใจที่มีความสุขมากกว่าลมหายใจปกติที่ทุกวันเคยมี

แต่ความสำคัญอันดับแรกในการเผชิญปัญหาคือต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นแล้ว ยอมรับว่าเกิดขึ้นแล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างใจเราหวัง แล้วไงต่อ? ถ้าเหตุการณ์นั้นมันยังคงอยู่ไม่หายไปไหนล่ะ? เราจะต้องอยู่กับมันไปทั้งชีวิตได้อย่างไร ถ้าเลือกหนีปัญหาไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ต้องเผชิญปัญหาในวันนี้ แต่ในใจของเราก็ยังมีความกังวลอยู่ เหมือนเสี้ยนตำแล้วเอาออกไม่หมด สร้างความรำคาญใจให้เราไปเรื่อยๆ 

ถ้าเลือกเผชิญกับมันล่ะ? แก้ปัญหาได้ก็ดี แก้ไม่ได้จะทำยังไง แก้ปัญหาไม่ได้ก็ต้องแก้ที่ใจเรา ที่มองว่าสิ่งนี้คือปัญหา มองใหม่ว่ามันไม่ใช่ปัญหา มันคือเรื่องปกติที่ต้องเจอ ทำใจอยู่กับมันให้ได้ ถ้าทำใจอยู่กับมันได้ ปัญหาก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป 

ผมรู้จักกับศิลปินที่วาดภาพขายเป็นอาชีพ เค้าเสียมือขวาที่ใช้วาดภาพจากอุบัติเหตุ เสียแบบขาดหายไปเลย ในวันที่แผลยังไม่หายดี เหลือแค่ข้อมือ เค้าเริ่มจับดินสอเพื่อฝึกวาดรูปใหม่ด้วยมืซ้ายที่ยังเหลืออยู่ เค้ายอมรับว่า ชีวิตที่เหลือจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยจิตใจที่ยอมรับและเข้าใจกับอุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้น ปัจจุบันมือซ้ายที่ถูกฝึกฝนก็กลับมาสร้างผลงานเพื่อเลี้ยงชีพได้ดีเหมือนเดิม

ความรู้สึกทางใจหรือมุมมองที่จะเห็นว่าปัญหา ไม่ใช่ปัญหา จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนอาจจะต้องทุกข์อย่างยาวนานจนทนไม่ไหวแล้ว หรือ บางคนอาจจะยอมรับแล้วอยู่กับมันได้อย่างรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตและจริตนิสัยเดิมของแต่ละคนด้วย 

แต่จะช้าหรือเร็วคงไม่สำคัญเท่า เราได้ข้อคิดและความเข้าใจอะไรบ้างจากเหตุการณ์นั้น เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันไว้เผชิญกับปัญหาในครั้งต่อไป

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0