หลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯปะทะเดือดกับกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่เข้าลักลอบตัดไม้ในเขตชายแดนไทยเขมร เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2662 ที่ผ่านมา ในวันนั้นเจ้าหน้าที่หน่วย SMART Patrol เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา จ.ศรีสะเกษ
พบการตัดไม้จำนวนหลายต้นและพบเลื่อยยนต์ 3 ตัวตรงพื้นที่ชายแดนไทย-เขมร แต่เมื่อเข้าจับกุม คนร้ายกลบหนีไปได้ ขณะกำลังตรวจสอบของกลาง ก็มีการยิงอาก้าเข้าใส่เจ้าหน้าที่อีกหลายนัด เป็นเหตุจึงต้องรีบถอนกำลังกลับจากพื้นนี้ทันที
หลังกลับมาตั้งกลักได้ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่9 อุบลราชธานี โดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร
ได้เร่งประสานหน่วยเก็บกู้ระเบิด ทหารกองกำลังสุรนารี ประสานทหารกัมพูชา ตำรวจและพนักงานสอบสวน สำนักการบินกระทรวงทรัพย์ หน่วยพญาเสือ รวมกว่าร้อยชีวิต
เข้าพื้นที่เกิดเหตุ
เพื่อให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบสภาพเกิดเหตุ เก็บหลักฐาน ตรวจสอบความเสียหาย ตรวจสอบไม้ที่ถูกตัดและเพื่อเจรจากับทหารฝั่งกัมพูชา
จุดนัดพบ คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา อ. ภูสิงห์ จ ศรีษะเกษ
การทำงานได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่เดินเท้าเปิดทางเข้าก่อนตั้งแต่เมื่อวาน (วันที่ 17 มิย. 2562)
ชุดกำลัง จนท ที่ จะต้องเดินเท้า เข้าพื้นที่ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม 6 ชุดปฎิบัติการฯ
-กลุ่มที่ 1. (1ชุด ปฎิบัติการ)
ภารกิจฯ 16-18 มิย ประกอบด้วย จนท ป่าไม้ ,จนท ทหาร,TMAC, ตชด. ,จนท ฝ่ายปกครอง,จนท. ตำรวจ สภ.ภูสิงห์. รวม 61 นาย จุดเริ่มต้นเดินทาง ที่ ทดประสาน ใกล้ฐานทหารพราน เดินเท้า ถึง ที่พักพลาญปลากั้ง รวมเดินเท้า ประมาณ. 8-9 กม. เวลา 17.00 -18.00 น น่าจะถึง “พลาญปลากั้ง”
-กลุ่มที่ 2 (5 ชุด ปฎิบัติการ) ภารกิจฯ 16-18 มิ.ย. ประกอบด้วย จนท. ป่าไม้ 5 ชุด รวม 66 นาย.และมี จนท. ทหารสมทบอีก 6 นาย .รวมทั้งสิ้น 72 นาย จุดเริ่มต้นเดินเท้าที่ ทิศใต้บ้านจำปานวง ถึง พลาญพังคี 4 ชุด และพลาญปลากั้ง 1 ชุด รวมระยะทาง ประมาณ 14-15 กม
ชุดที่ 4.-5-6. เดินทางไปพร้อมผู้บังคับบัญชา และสื่อมวลชน ตามเส้นทางจาก สนาม.ฮ. (พลาญปลากั้ง ถึง จุดที่เกิดเหตุ )เดินเท้าระยะทางประมาณ 2.5 กม
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เปิด”ยุทธการลับคมขวาน”มุ่งมั่นปกป้องทรัพยากรป่าไม้สัตว์ป่า อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะพื้นที่ รอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน ที่พบการบุกรุก ตัด โคน และรวมถึงล่าสัตว์ป่า ให้หยุดยั้ง ให้ได้ แต่ต้องไม่มีการสูญเสีย ! โดยจนท.จะทำการลาดตระเวน เรียก SMART Patrol เพื่อป้องกันการลักลอบตัดไม้ ซึ่งในวันที่ ระหว่างวันที่ 9 มิย 62. ได้ลาดตระเวนเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวหลังมีข่าวขบวนการลักลอบตัดไม้ตรงชายแดนกำลังลงมือ เมื่อเจอกันจึงเกิดเหตุปะทะ
นายสาธิต พันธุมาศ หน .เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา รายงานว่า
วันที่ 9 มิ.ย 62 เวลา 17.00 น. ในระหว่าง จนท.เตรียมการตั้งจุดพักแรม ได้ยินเสียงเลื่อยโซ่ยนต์ดังจำนวนหลายเครื่อง ดังมาจากบริเวณ”พลาญจาก”ห่างจากชายแดน ไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร เนื่องจากใกล้เวลามืดค่ำ จึงเฝ้าระวังพื้นที่ไว้
เช้าของวันที่ 10 จึงจัดกำลังเดินเท้าอย่างระมัดระวังไปยังจุดเป้าหมาย เวลาประมาณ 12.30 น จนท. ชุดหน้า จำนวน 3 นาย ตรวจพบ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย จำนวน 5 นาย
ใน 5 คนนั้นแต่งกายชุดทหารประเทศเพื่อนบ้าน ติดอาวุธ จำนวน 2 นาย
คนแรก ถือปืนอาร์ก้า AK 47 อีกคน ถือปืนอาร์ก้าติด M 79 เหลืออีก 3 คน เป็น ชายใส่เสื้อสีขาว 2 คน ชายใส่เสื้อสีน้ำเงิน 1 คน กำลังช่วยกันแปรรูปไม้
แต่ในขณะนั้น จนท. ได้จัดวางกำลังเพื่อปิดล้อมเพื่อดำเนินการจับกุม
เมื่อ จนท. ได้แสดงตัว ระยะห่างประมาณ 20 เมตร ปรากฎว่า กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ได้ยิงปืนเข้าใส่เจ้าหน้าที่ (ตามเสียงปืนในคลิป) จึงได้มีการยิงโต้ตอบกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยปืนประจำตัวของ จนท.
และในขณะเข้าชาร์จจับกุม กองกำลังไม่ทราบฝ่าย คนที่แต่งกายคล้ายทหารประเทศเพื่อนบ้าน ได้ยิงปืน M79 ใส่ จนท จำนวน 2 นัด
นัดแรกตกห่าง จนท. 5 เมตร นัดที่ 2 ห่าง 15 เมตร (M79 ทั้ง 2 ลูกไม่ทำงาน)
เหตุการณ์ปะทะครั้งนี้ มีการจัดกำลังวางแผนเพื่อเซฟ จนท.
สิ้นเสียงปืนประมาณ 5-10 นาที จนท. ชุดหน้าได้เรียกกำลังเสริมที่เหลือ เพื่อเข้าควบคุมพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง
จากนั้น จนท. ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ พบเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 3 เครื่อง จึงทำการตรวจยึด แล้วต้องออกจากที่เกิดเหตุอย่างเร็ว
โดยยังไม่ได้ทำการตรวจสอบไม้ตะเคียนทองที่ถูกลักลอบแปรรูปแต่อย่างใด
แต่ในขณะนำเลื่อยโซ่ยนต์ของกลางออกจากที่เกิดเหตุ ก็ได้ยินเสียงรถยนต์และรถจักรยานยนต์วิ่งเข้ามายังจุดเกิดเหตุ ซึ่ง จนท ซุ่มดู พบว่า เป็นการเติมหรือเพิ่มกำลังของฝั่งกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
จนท. หน่วย SMART Patrol จึงต้องถอย เพื่อป้องกันการสูญเสีย
จนท. ได้ออกจากที่เกิดเหตุโดยเร็ว ไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่ “พลาญพังคี” ระยะทางห่าง “พลาญจาก” 3 กม. ซึ่งเวลานั้นประมาณ 17.00 น. ไม่สามารถ เดินออกมาได้ในวันเดียว ต้องพักแรมอีกหนึ่งคืน ของคืนวันที่ 10 มิ.ย. 62
เช้า วันที่ 11 มิ.ย 62. จึงได้วิทยุแจ้งเหตุรายงานผู้บังคับบัญชา และเดินทางนำของกลาง เลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 3 เครื่อง มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในวันดังกล่าว นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักฯ ได้เข้าไปยังหน่วย ขสป.ห้วยศาลา เพื่อรวบรวมข้อมูลและเพื่อให้กำลังใจ จนท. พร้อมทั้งจัดทำบันทึกเหตุการณ์ รวมถึงของกลางเป็นเครื่องเลื่อยยนต์ และสอบถามรายละเอียดเพื่อวางแผนการทำงานให้เกิดความปลอดภัย แก่ จนท. ทุกนาย
ส่วนไม้ตะเคียนทองที่ถูกลักลอบแปรรูปนั้น เชื่อว่า น่าจะมี Order ให้ทำไม้ เนื่องจาก ชายแดน ไทย-กัมพูชามีการลักลอบทำไม้ตะเคียนทองเพื่อการก่อสร้างในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน
และมีการสร้างบ่อนคาสิโน และมีการขยายเมืองมากขึ้น ด้วย ซึ่งขนาดของไม้ มีหลายขนาดถูกลักลอบส่งตามใบสั่ง ซึ่งจุดทำไม้ ห่างชายแดนกัมพูชาเพียงไม่ถึงครึ่ง กิโลเมตร และมีเส้นทางชักลากไม้ลง ชัดเจนว่าเมื่อทำไม้เสร็จแล้วจะขน ลงไปตามเส้นทาง เข้าประเทศเพื่อนบ้านแน่นอน
และวันนี้เจ้าหน้าที่และอีจันก็เดินได้เข้าพื้นที่ปะทะตั้งแต่เช้า เพื่อตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ความคืบหน้าจะรายงานหลังทีมกลับออกมาจากป่าค่ะ
