โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

เก็บสถิติ"ท็อปทีมพรีเมียร์"ก่อนเบรคทีมชาติ

Soccersuck

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2562 เวลา 08.37 น. • Soccersuck

เกมพรีเมียร์ ลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เต็มไปด้วยเรื่องน่าสนใจมากมาย และต่อไปนี้คือสถิติ พร้อมเกร็ดน่ารู้ทั้งหลายของทีมท็อป 6 แถมด้วยเลสเตอร์ ซิตี้ก่อนเบรคทีมชาติ

1. รอดเจอร์สนำเลสเตอร์ผงาด
เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การทำทีมของเบรนแดน รอดเจอร์ส นายใหญ่ตาหวาน เปิดบ้านตอกย้ำความสุดยอดในฤดูกาลนี้ด้วยการตบทีมใหญ่อย่างอาร์เซน่อลของอูไน เอเมรี่เทรนเนอร์เลือดสแปนิช 2-0 พร้อมทำแต้มขึ้นมารั้งรองจ่าฝูงของตาราง ตามหลังลิเวอร์พูล 8 แต้ม
การเก็บไป 26 คะแนนจาก 12 เกมแรกในฤดูกาลนี้ทำให้เลสเตอร์ชุดนี้ของรอดเจอร์สเก็บแต้มได้สูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรและเหนือกว่าชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกในฤดูกาล 2015-16 ด้วยซ้ำ
เลสเตอร์คว้าชัยชนะในเกมเหย้าเหนืออาร์เซน่อล 3 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และคว้าชัยชนะที่คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยมมา 5 นัดติดต่อกัน ซึ่งเป็นเพียงครั้งที่ 2 ที่ทำได้ต่อจากยุคของเคร็ก เช็คสเปียร์
ด้านเจมี่ วาร์ดี้กดไป 9 ประตูจาก 9 เกมที่ลงสนามเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ ลีกเจออาร์เซน่อล เป็นรองเพียงเวย์น รูนี่ย์ที่ยิงใส่ "เดอะ กันเนอร์ส" 12 ลูก, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์และแฮร์รี่ เคนคนละ 10 ลูก

2. อาร์เซน่อลออกสตาร์ทเลวร้ายสุดในรอบ 37 ปี
ความปราชัยดังกล่าวต่อเลสเตอร์ทำให้อาร์เซน่อลของเอเมรี่ออกสตาร์ทฤดูกาลได้เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1982-83 เลยทีเดียว
อันที่จริงแล้วย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2014-15 พวกเขาก็เก็บได้ 17 แต้มหลังผ่านการแข่งขัน 12 นัดแรกเช่นเดียวกัน แต่ในซีซั่นนั้นภายใต้การทำทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ อดีตนายใหญ่ระดับตำนานมีประตูได้เสียที่ดีกว่าที่ +5 เทียบกับ -1 ในฤดูกาลนี้
การบุกเยือนถิ่นคิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยมเป็นการคุมทีมนัดที่ 50 ในพรีเมียร์ ลีกของเอเมรี่กับอาร์เซน่อลพอดี และเขาก็ประสบความปราชัยเป็นเกมที่ 13
เขาพาทีมคว้าชัยชนะไปได้ครึ่งหนึ่งพอดีที่ 25 เกม โดยเก็บไป 87 แต้ม แต่หากไปเปรียบกับ 50 นัดสุดท้ายของเวนเกอร์ก็ยังมีคะแนนน้อยกว่า 2 แต้ม
สิ่งที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งก็คือ พวกเขายิงเข้ากรอบเพียงลูกเดียวจากอเล็กซองเดร ลากาแซ็ตต์ในเกมนัดนี้

3. ซนเฉิดฉายแต่สเปอร์สยังมืดมน
หลังคู่ปรับสำคัญร่วมกรุงลอนดอนอย่างอาร์เซน่อลทำสถิติเลวร้ายมากมาย ทางฝั่งสเปอร์สของเมาริซิโอ ปอเช็ตติโน่ นายใหญ่จอมแท็คติคเองก็ไม่ต่างกันมากนัก
สเปอร์สทำได้เพียงเสมอกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-1 ทำให้พวกเขากลายมาเป็นน้องใหม่ทีมที่ 3 เท่านั้นต่อจากแบล็คเบิร์น โรเวอร์สในฤดูกาล 1992-93 และน็อตติ้งแฮม ฟลอเรตส์ในฤดูกาล 1994-95 ที่ไม่แพ้ในเกมเยือน 6 นัดแรกบนเวทีพรีเมียร์ ลีก
ประตูของจอร์จ บัลด็อกทำให้สเปอร์สทำแต้มหล่นไปแล้วรวม 12 คะแนนจากสถานะที่พวกเขาได้ประตูนำคู่แข่งในฤดูกาลนี้
ไม่เพียงเท่านั้นการเก็บได้เพียง 14 แต้มจากการแข่งขัน 12 นัดแรกก็เป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขาเช่นเดียวกันเทียบเท่ากับฤดูกาล 2008-09 ภายใต้การทำทีมของฮวนเด้ รามอส
ทว่าซน ฮึง-มินที่มีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดในเกมนี้เป็นคนเดียวของสเปอร์สที่เชิดหน้าชูตาได้ หลังระเบิดฟอร์มกดไป 5 ประตูจากการแข่งขัน 5 นัดหลังสุดในการแข่งขันทุกรายการ

4. สิงห์ชนะ 6 นัดติดครั้งแรกนับตั้งแต่ทีมชุดแชมป์
เชลซีของแฟร้งค์ แลมพาร์ดกุนซือหนุ่มไฟแรงยังเดินหน้าทำผลงานสุดยอดต่อไป เมื่อคว้าชัยชนะเหนือคริสตัล พาเลซ 2-0 ทำให้พวกเขาเก็บชัย 6 นัดติดได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2017 ซึ่งเป็นซีซั่นที่อันโตนิโอ คอนเต้ นายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนนำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกได้เป็นหนสุดท้าย
แลมพาร์ดกลายมาเป็นกุนซือชาวอังกฤษคนที่ 7 ที่คว้าชัยชนะในพรีเมียร์ ลีกได้ 6 นัดติดต่อกัน โดยคนแรกที่ทำได้คืออลัน พาร์ดิวกับนิวคาสเซิลเมื่อเดือนเมษายน 2012
ค่าเฉลี่ยอายุ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ 24 ปีกับ 88 วันทำให้นี่คือทีมอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของเชลซีที่ลงแข่งขันพรีเมียร์ ลีก
แทมมี่ อับราฮัม ที่ทำประตูได้ในเกมนี้ก็กลายมาเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดลำดับที่ 2 ที่ยิงขึ้นเลข 2 หลักได้ให้เชลซีในพรีเมียร์ ลีกต่อจากอาร์เยน ร็อบเบน
ทว่าเซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้าถูกหยุดสถิติการลงสนามเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ ลีกให้เชลซีไว้ที่ 73 นัด หลังไม่ติด 11 ตัวจริงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกมกับสวอนซีเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017

5. ผีเลิกเปิดสปาในบ้าน-มาร์กซิยาลสำคัญกว่าที่คิด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทุบเอาชนะไบร์จตันมาได้ 3-1 ทำให้พวกเขาไร้พ่ายที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดตลอด 7 เกมหลังในการแข่งขันทุกรายการ โดยเป็นการชนะ 4 นัดและเสมอ 3 นัด ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนเดียวกัน นับตั้งแต่ที่โจเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ "เดอะ เวิร์สต์ วัน" ทำเอาไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2018 กับการสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น 8 นัดติดในบ้าน
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เทรนเนอร์ชาวนอร์วิเจี้ยน ได้ส่งทีม 11 ตัวจริงที่มีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดในฤดูกาลนี้ลงสนามที่ 23 ปีกับ 350 วัน
ด้านมาร์คัส แรชฟอร์ดก็ยิงประตูลูกที่ 30 ของเขาที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดย 6 ลูกในจำนวนนั้นเกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งมีเพียงฤดูกาล 2017-18 เท่านั้นที่เขายิงในเกมเหย้าได้มากกว่านี้ที่ 9 ลูก
ขณะที่อ็องโตนี่ มาร์กซิยาลก็มีส่วนร่วมกับการทำประตูของทีมถึง 8 ลูกจากการลงสนามเป็นตัวจริงในโรงละครแห่งความฝัน 10 นัดในการแข่งขันทุกรายการ โดยแบ่งเป็นการยิงไป 4 ประตูกับ 4 แอสซิสต์

6. เป๊ปออกสตาร์ทได้แย่สุดตั้งแต่คุมทีมซิตี้มา
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังล้างอาถรรพ์ที่แอนฟิลด์ไม่สำเร็จ หลังบุกไปคว้าชัยชนะที่นี่ไม่ได้เลยนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2003
การบุกเยือนหนล่าสุดภายใต้การทำทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือมือทองก็เช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาปราชัยกลับออกมา 3-1 และส่งผลกระทบโดยตรงต่อการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ ลีกในฤดูกาลนี้
พวกเขาหล่นมารั้งอันดับที่ 4 ของตาราง โดยมีคะแนนตามหลังจ่าฝูงอย่างลิเวอร์พูล 9 คะแนนเข้าไปแล้ว แถมยังทำให้กวาร์ดิโอล่าต้องมีสถิติไม่พึงประสงค์อีกด้วย
แมนเชสเตอร์ ซิตี้เก็บไป 25 คะแนนในฤดูกาลนี้หลังผ่านการแข่งขัน 12 เกมแรก ซึ่งเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดของกวาร์ดิโอล่านับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม
นอกจากนี้มันยังทำให้เขาตามหลังทีมจ่าฝูงเกิน 3 คะแนนเป็นครั้งแรกหลังผ่านการแข่งขัน 12 นัดอีกด้วย
ขณะที่ดาวยิงตัวเก่งอย่างแซร์คิโอ้ อเกวโร่ก็ยังคงทำประตูที่แอนฟิลด์ไม่ได้ในการลงสนาม 9 นัดจากการแข่งขันทุกรายการในความพยายามส่องประตูรวม 14 หนที่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งหมด

7. หงส์นำห่าง-มาเน่ทำสถิติ
การเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ทำให้คู่แข่งในการลุ้นเวลานี้ ไม่ได้มีเพียงพวกเขาเพียง 2 ทีมอีกต่อไปแล้ว แต่ยังหมายรวมถึงเลสเตอร์ ซิตี้และเชลซีที่ตามหลังมาแบบห่างๆ ที่ 8 คะแนน
นับตั้งแต่ลีกสูงสุดของอังกฤษเข้าสู่ยุคของพรีเมียร์ ลีก มีเพียงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อฤดูกาล 1993-94 เท่านั้นที่ทำคะแนนทิ้งห่างได้มากกว่านี้หลังผ่านการแข่งขัน 12 เกมแรก
โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ มีส่วนร่วมกับการทำประตูถึง 69 ครั้งจากการลงสนาม 60 นัดที่แอนฟิลด์ในการแข่งขันทุกรายการ โดยยิงไป 51 ประตูกับ 18 แอสซิสต์
เขายิงใส่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปถึง 3 ประตูจาก 4 นัดที่ลงเล่นในบ้าน
ด้านซาดิโอ มาเน่ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงถึงขีดสุดก็ยิงประตูที่แอนฟิลด์ในเกมพรีเมียร์ ลีกไปแล้ว 22 ประตู นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2018 และมากกว่านักเตะคนอื่นใดในช่วงเวลานั้น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0