กว่าจะเป็นเจ้าของบทเทพเจ้าสายฟ้า "ทอร์" ในหนังชุด Marvel Cinematic Universe "คริส เฮมเวิร์ธ" เคยเกือบตัดสินใจยุติเส้นทางการเป็นนักแสดงมาแล้ว
คริส เฮมเวิร์ธ รับบทเป็น ทอร์ เทพเจ้าสายฟ้าในหนัง Marvel Cinematic Universe มาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Thor ทั้ง 3 ภาค, Avengers ทุกภาค และเขายังไปปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญใน Doctor Strange ด้วย
ปัจจุบันดาราหนุ่มชาวออสเตรเลียคือนักแสดงที่มีค่าตัวสูงระดับต้น ๆ ในฮอลลีวูด นอกจากหน้าตาชวนฝัน และหุ่นสมบูรณ์แบบแล้ว เฮมเวิร์ธ ยังเล่นบทตลกได้เก่งอย่างเหลือเชื่อ จนทำให้เขาสามารถยกระดับบทบาทของตัวละคร ทอร์ ในหนังให้น่าสนใจขึ้นมาอีกขั้น
แต่กว่าจะดังอย่างทุนวันนี้ เฮมเวิร์ธ ก็ผ่าการต่อสู้มาไม่น้อย เขาเริ่มต้นอาชีพจากการเป็นดาราในซีรีส์ประเภท "น้ำเน่า" ที่ออสเตรเลีย ต่อมาแม้จะได้ปรากฏตัวในหนังฟอร์มใหญ่อย่าง Star Trek ในปี 2009 แต่หลังตัดสินใจมารับงานในฮอลลีวูดอย่างเต็มตัว เขากลับพบว่าทุกอย่างมันยากกว่าที่คิดมาก
"ตอนนั้นผมเกือบที่จะเลิกไปแล้ว" เฮมเวิร์ธ ให้สัมภาษณ์กับ Men's Health "ผมอยากทำงานเป็นนักแสดงมาตลอด และคิดเอาไว้ว่าสิ่งแรกที่จะทำ ถ้ามีเงินก็คืออยากจะจ่ายเงินค่าบ้านให้พ่อกับแม่ ผมเคยถามพ่อว่าเมื่อไหร่พ่อจะจ่ายเงินค่าบ้านหมด ซึ่งท่านก็บอกตรง ๆ ว่าอาจจะไม่มีวันก็ได้ คนส่วนใหญ่จะเจอปัญหาแบบนี้ ซึ่งผมก็อยากจะแก้ปัญหาให้ได้
"ตอนนั้นผมพยายามมาก ๆ ในการไปคัดเลือกตัวนักแสดง จนในช่วงประมาณ 8 เดือนในตอนนั้น ก็เริ่มมีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ว่าผมเริ่มจะควบคุมการแสดงออกของตัวเองไม่ได้ ผมพยายามมาก ๆ ที่จะไม่ประหม่าเวลาไปออดิชั่น แต่กลายเป็นว่าความรู้สึกของผมเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จนเริ่มคิดในใจว่า "ถ้าเป็นแบบนี้กลับออสเตรเลียดีกว่า""
"ตอนนี้เวลาผมไปออดิชั่น ก็จะคิดในใจว่า "ต้องทำเพื่อบ้าน" นึกถึงคนอื่นมากกว่าคิดถึงตัวเอง สุดท้ายก็เลยได้บทใน The Cabin in the Woods มาในที่สุด แล้วก็ตามมาด้วย Red Dawn จนมาถึง Thor"
ในปี 2010 ตอนที่กำลังสร้างชื่อเสียงขึ้นมา ในเวลาเดียวกัน เฮมเวิร์ธ ซึ่งตอนนั้นอายุ 25 ปี ก็พบรักกับดาราสาวชาวสเปนที่ชื่อว่า เอลซา พาทากี ซึ่งอายุมากกว่าเขาถึง 7 ปี ทั้งคู่เริ่มรู้จักกันในต้นปี 2010 พอปลายปี ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน และมีลูกด้วยกันทันทีในปี 2012 โดยปัจจุบันทั้ง 2 มีทายาทด้วยกัน 3 คน
"เราแต่งงานกัน แล้วแค่ปีเดียวหลักจากนั้นก็มีลูกทันที … เวลาที่เราเริ่มต้นครอบครัวโดยไม่ได้รู้จักกันมากนัก มันก็เลยเป็นเรื่องที่ไม่ได้ง่ายนัก" เอลซา ที่งานแสดงต้องสดุดลงหลังตัดสินใจมีครอบครัว ยอมรับตรง ๆ ว่าชีวิตครอบครัวกระทบต่องานในวงการบันเทิงของเธอทันที และสุดท้ายเธอก็เลือกครอบครัว "เมื่อถึงเวลาที่มีลูก จู่ ๆ อาชีพการงานก็กลับไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกแล้ว"
ชีวิตครอบครัวของ เฮมเวิร์ธ และ พาทากี เริ่มต้นตอนที่ฝ่ายของ เฮมเวิร์ธ ได้บท ทอร์ พอดี … "เขาอายุยังน้อยมากเกินกว่าที่จะมาเริ่มต้นครอบครัว จึงต้องพยายามแบ่งเวลาให้กับทั้งงาน และครอบครัว จึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขา ที่ต้องทำอะไรมากมายขนาดนั้น"
"บางทีฉันเองก็คิดว่ามันไม่ยุติธรรมเหมือนกัน เพราะผู้ชายไม่ต้องเจออะไรแบบนั้นเลย แต่ถ้าผู้หญิงกลายเป็นแม่คนขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตที่เคยสำคัญ ก็จะกลายเป็นแค่ลำดับสองเท่านั้นเอง"
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ยังมีลูกฝาแฝดด้วยกันอีก แต่แทนที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของ เฮมเวิร์ธ กลับหมดไปกับการอยู่ในกองถ่าย
"เกี่ยวกับเรื่องงาน เอลซา ยอมเสียสละมากกว่าผมมาก เธอเองก็คงอยากให้ผมเบาเครื่อง และรับงานให้น้อยลงบ้าง แต่ตอนนั้นผมรู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับอาชีพของตัวเอง ผมสามารถสร้างรากฐาน เพื่อให้มีงานต่อเนื่องไปได้อีกยาว ๆ หรือไม่กี่ก็อาจจะทำพลาดไปเลยก็ได้"
จากการทำงานติดต่อกันทีละหลาย ๆ วัน กลายเป็นหลายสัปดาห์ และหลายเดือน จนเขาแทบจะหาเวลาให้กับครอบครัวไม่ได้เลย
"ผมต้องใช้เวลาถ่ายทำหนังติดต่อกันนาน ๆ และยังต้องเดินสายโปรโมตหนังไปทั่วโลกอีก เวลาเจอกันลูกสาวจะมองหน้าผม เหมือนกับจะบอกว่า 'พ่อเพิ่งกลับมาเองนะ' … มันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมาก ๆ เวลาผมต้องเดินออกจากประตูบ้านไป ส่วนเด็ก ๆ ก็ร้องไห้ และเอาแต่พูดว่า 'พ่ออย่าไป' ผมไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไร"
คริส เฮมเวิร์ธ เล่าว่าครั้งหนึ่งเขากลับบ้านหลังทำงานนานหลายเดือน และตัดสินใจชดเชยให้ลูกชาย ด้วยการไปร่วมกิจกรรมแข่งวิ่งของคุณพ่อ เขาพยายามใส่อย่างเต็มร้อย เพื่ออาชนะคุณพ่อทุกคนให้ได้ หวังว่าจะทำให้ลูกสาวภาคภูมิใจ
ซึ่งสุดท้ายเขาก็ทำได้จริง ๆ แต่หลังคว้าชัยชนะมาได้แล้ว เขาพยายามมองหาลูกสาวที่นั่งปะปนอยู่กับเด็ก ๆ คนอื่น แต่ลูกไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว ลูกสาวของ คริส เฮมเวิร์ธ ไม่แคร์ที่จะมาเชียร์พ่อของเธอวิ่งแข่งด้วยซ้ำไป
คริส เฮมเวิร์ธ ยอมรับว่าตอนนั้นเขารู้สึกทันทีว่าเขากำลังจะสูญเสียครอบครัวของตัวเองไป เขาจึงตัดสินใจพักงานแสดงทันที … "ผมอยากจะมีเวลาไปส่งลูกที่โรงเรียน ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจว่าจะพักงานซักปี"
สุดท้ายการตัดสินใจของเขายังทำให้ภรรยาได้กลับไปรับงานแสดงอีกครั้งด้วย "ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้กลับไปทำงาน ถ้า คริส ไม่หาเวลาให้ลูก ๆ แบบนั้น เขาคือยอดคุณพ่อตัวจริง
"ผมกับภรรยา เราตกหลุมรักกัน, มีลูกด้วยกัน แล้วก็ไม่ค่อยได้เจอกันอยู่เป็นปี แต่สุดท้ายเราก็กลับมาตกหลุมรักกันอีกครั้ง" เจ้าของบท ทอร์ กล่าว
