เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเมื่อคนเราร้องไห้

การสำรวจในปี 2010 พบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะร้องไห้เดือนละ 1 ครั้ง (หรือมากกว่านั้น) ขณะที่ผู้หญิงราวร้อยละ 33 จะร้องไห้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC) รายงานว่าผู้หญิงร้อยละ 25 ในสหรัฐไม่เคยออกกำลังกายเลยทั้งสัปดาห์ คุณอ่านไม่ผิดหรอก..โดยเฉลี่ยแล้วในหนึ่งสัปดาห์ผู้หญิงเราร้องไห้บ่อยยิ่งกว่าการออกกำลังกายซะอีก ร้องไห้เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ใช่ไหม? อย่างไรก็ตามการร้องไห้ย่อมส่งผลต่อร่างกายขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำตาที่คุณหลั่งออกมาซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 3 ชนิดได้แก่ 1.น้ำตาหล่อลื่น 2.น้ำตากำจัดสิ่งระคายเคือง และ 3.น้ำตาจากอารมณ์ต่างๆ และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มสะอื้นและผลิตน้ำตาชนิดใดชนิดหนึ่งออกมา

สมองไม่สนใจหรอกว่าคุณมีความสุขหรือกำลังจะถูกปลาฉลามกิน

ยกมือขึ้นถ้าคุณเคยดีใจจนน้ำตาไหล แล้วถ้าร้องไห้หลังเกิดอาการกลัวหรือหงุดหงิดล่ะ? น่าแปลกมนุษย์เราสามารถร้องไห้ได้เกือบทุกสาเหตุ และที่แปลกไปกว่านั้นคือสมองไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ว่าเหตุใดเราจึงต้องร้องไห้ ในศีรษะของคนเรามีสมองส่วนที่เรียกว่าไฮโปทาลามัส เมื่อคุณรู้สึกสุข เศร้า หรือเครียด ไฮโปทาลามัสจะทำปฏิกิริยาเพียงอย่างเดียว..นั่นคือการตอบสนอง มันจะรับสัญญาณจากสมองส่วนที่เรียกว่าอมิกดาลาซึ่งจะรับผิดชอบเกี่ยวกับอารมณ์ต่างๆ และเมื่อคุณประสบกับเหตุการณ์ทั้งดีและไม่ดีต่อมน้ำตาก็จะเริ่มผลิตน้ำตาออกมา

“การออกกำลังกาย” แบบครบทุกส่วน

ชาวอเมริกันอาจไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย แต่ถ้าเราร้องไห้บ่อยๆมันก็ไม่ต่างจากการออกกำลังกายหรอก แม้ว่าคุณจะไม่ลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายขณะที่ร้องไห้แต่ไหล่ของคุณก็ยังขยับไปมาเวลาที่สะอื้นหนักๆ ผิวหนังของคุณอาจมีตุ่มแผลหรือคุณอาจรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาก็เป็นได้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการร้องไห้จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นรวมถึงเหงื่อออกมากขึ้นด้วย นั่นเป็นเพราะปฏิกิริยา “ต่อสู้หรือหนี” ของร่างกายได้ตอบสนองต่อสิ่งที่อาจทำให้น้ำตาไหลออกมา

จะรู้สึกเหมือนมี “ก้อน” จุกอยู่ที่ลำคอ

บางครั้งไม่จำเป็นต้องเศร้า หากคุณรู้สึกเครียดก็อาจรู้สึกเหมือนมีก้อนจุกอยู่ที่ลำคอได้เช่นกัน ทว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่ก้อนอะไรหรอก ในทางการแพทย์นี่คือ “ความรู้สึกไปเองว่ามีก้อนในลำคอ” คุณสามารถบรรเทาความรู้สึกนี้ลงไปได้โดยการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหาร

น้ำจะล้นทะลักออกมาทั้งทางดวงตาและจมูก

ของเหลวที่ไหลออกมาจากจมูกขณะร้องไห้จริงๆก็เป็นน้ำชนิดเดียวกับที่ออกจากดวงตานั่นแหละไม่ใช่ว่ามีน้ำมูกเพิ่มขึ้น มันแค่ไหลออกมาผสมกับน้ำมูก (ที่มีอยู่แล้ว) แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ได้สั่งน้ำมูกออกมาทางดวงตาใช่ไหม?

บ๊ายบายฮอร์โมนความเครียด

น้ำตามี “พลังแห่งการเยียวยา” น้ำตาที่เกิดจากอารมณ์จะให้คุณประโยชน์ด้านสุขภาพ เช่น ลดฮอร์โมนความเครียด เป็นต้น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการร้องไห้คือกระบวนการที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายไม่ต่างจากการหายใจออกหรือเหงื่อออก นอกจากนี้การร้องไห้จะหลั่งสารบางชนิดที่ช่วยบรรเทาการเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่จำเป็นต้องพึ่งใบสั่งยาเลย

หากเป็นน้ำตาที่เกิดจากอารมณ์ น้ำตาจะเหนียวข้นขึ้นกว่าเดิม

แม้ว่าน้ำตาทุกชนิดจะมีเอ็นไซม์ ไขมัน เมทาโบไลต์ และอิเล็กโทรไลต์ แต่น้ำตาที่เกิดจากการอกหักหรือภาพยนตร์แสนเศร้าจะมีส่วนประกอบของโปรตีนมากกว่าน้ำตาชนิดอื่นๆ ซึ่งหมายความว่าน้ำตาจะเหนียวกว่าและไหลช้ากว่าน้ำตาชนิดอื่นๆด้วย

น้ำตาของเราสามารถกอบกู้โลกได้..หรืออย่างน้อยก็ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

น้ำตามีส่วนประกอบของโปรตีนที่เรียกว่าไลโซไซม์ซึ่งมีหน้าที่ทำลายโมเลกุลที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรา การศึกษาหนึ่งในปี 2012 พบว่าโปรตีนไลโซไซม์ในน้ำตาสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียอันตรายได้ ใช่น้ำตาของเราอาจจะเจ๋งกว่าที่คิดไว้ซะอีก

อารมณ์จะดีขึ้นหลังร้องไห้

การร้องไห้อาจเป็นเทคนิคการดูแลตัวเองที่คุณต้องลองในขั้นต่อไป จากการทดลองให้กลุ่มคนเข้าไปชมภาพยนตร์เศร้าและประเมินความรู้สึกปรากฏว่าผู้ที่ร้องไห้จะอารมณ์ดีกว่าตอนที่พวกเขาเข้าไปชมภาพยนตร์ซะอีก

หรืออาจจะรู้สึกแย่กว่าเดิม

แม้ว่าการร้องไห้อาจทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นแต่ก็ไม่เสมอไป สถานที่ที่คุณร้องไห้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรู้สึกหลังจากนั้น การร้องไห้ที่บ้านหรือกับเพื่อนจะทำให้คุณรู้สึกดีแต่การร้องไห้ในที่ทำงานอาจถูกมองว่าไม่เหมาะสมซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจส่งผลเสียต่ออารมณ์ของคุณได้