โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

"เกาะสีชัง" งามคลาสสิก ยลพระราชวังบนเกาะแห่งเดียวของไทยในรัชกาลที่ ๕

Manager Online

อัพเดต 23 ต.ค. 2561 เวลา 07.50 น. • เผยแพร่ 23 ต.ค. 2561 เวลา 07.50 น. • MGR Online

Facebook :Travel @ Manager

“เกาะสีชัง” เป็นเกาะงามกลางทะเลอ่าวไทยที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด โดยมีระยะทาง 117 ก.ม. จากกรุงเทพฯ และ 12 ก.ม. จากชายฝั่ง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี อีกทั้งเกาะสีชังทั้งเกาะยังตั้งอยู่ในเขต “อำเภอเกาะสีชัง” ของ จ.ชลบุรี ซึ่งถือเป็นอำเภอที่เล็กที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย

เพียงแค่ความใกล้ของระยะทางเพียงอย่างเดียว ไม่อาจทำให้หลายๆ คนเลือกมาเที่ยวที่เกาะสีชัง แต่ความสวยมีเสน่ห์แบบคลาสสิคของเกาะสีชังต่างหากที่เป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเยือน ที่สำคัญเกาะแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังบนเกาะเพียงแห่งเดียวในไทยที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อีกด้วย

“พระจุฑาธุชราชฐาน” งดงามคลาสสิก

บนเกาะสีชังมีความเป็นหนึ่งอีกอย่างก็คือ เป็นที่ตั้งของ “พระจุฑาธุชราชฐาน” ซึ่งเป็นพระราชวังบนเกาะเพียงหนึ่งเดียวของประเทศไทย โดยสร้างขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ราว พ.ศ.2432 และใช้เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของรัชกาลที่ 5 และพระราชวงศ์มาโดยตลอด และยังขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็นนสถานที่ตากอากาศและพักฟื้นยอดนิยม ใครเจ็บป่วยไม่แข็งแรงเมื่อได้มาพักผ่อนพักฟื้นที่นี่อาการก็จะทุเลาลง

แต่จนกระทั่งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส รศ.112 ซึ่งมีกองทหารบุกขึ้นเกาะสีชังและปิดอ่าวไทย การก่อสร้างพระที่นั่งและตำหนักต่างๆ จึงต้องยุติลงนับแต่นั้น

แต่สิ่งก่อสร้างภายในพระจุฑาธุชราชฐานที่ยังหลงเหลือและถูกรักษาไว้ในสภาพดีจนถึงขณะนี้ก็ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คงเสน่ห์ความคลาสสิคมาจนปัจจุบัน ได้แก่ เรือนไม้ริมทะเล ตึกผ่องศรี ตึกอภิรมย์ ตึกวัฒนา พระอุโบสถวัดอัษฎางคนิมิต และสะพานอัษฎางค์ โดยเฉพาะสะพานอัษฎางค์ ที่เป็นดังสัญลักษณ์ของเกาะสีชัง

"สะพานอัษฎางค์" สร้างขึ้นใน พ.ศ.2434 ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ทรงคลายจากอาการประชวร ณ เกาะสีชัง อีกทั้งมีพระราชดำริว่า “ที่เกาะสีชังเวลาน้ำขึ้นลงเป็นที่ลำบาก บางครั้งถูกกาบหอยบาด” โดยตัวสะพานสร้างด้วยไม้สักทาสีขาวสะอาดตา ตัวสะพานมีศาลาทรงปั้นหยา 3 หลังบริเวณหัว กึ่งกลาง และปลายสะพาน ตัวสะพานสีขาวตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า และสีเขียวอมฟ้าของท้องทะเล นับเป็นความงดงามข้ามกาลเวลา ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จวบจนปัจจุบัน

นอกจากสะพานอัษฎางค์แล้ว เราสามารถเดินชมตึกและอาคารต่างๆ ภายในพระจุฑาธุชราชฐานได้อย่างทั่วถึง ซึ่งนอกจากจะได้ถ่ายรูปอาคารสวยๆ ในบรรยากาศย้อนยุคกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว ยังเพลิดเพลินกับกลิ่นหอมๆ ของดอกไม้สวยๆ อย่างดอกลั่นทม หรือดอกลีลาวดีที่เรียกได้ว่าเป็นดอกไม้ประจำเกาะปลูกอยู่เรียงรายและกำลังออกดอกส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณพระราชวังแห่งนี้ในหน้าร้อน อีกทั้งทั่วเกาะสีชังแทบทุกมุมก็เต็มไปด้วยดอกลั่นทมเช่นกัน มองดูเพลินตายิ่งนัก

อีกหนึ่งจุดในพระจุฑาธุชราชฐานที่ไม่อยากให้พลาดชมก็คือ “วัดอัษฏางค์นิมิตร” ซึ่งสร้างอยู่บนยอดเขา วัดแห่งนี้ก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก พระอุโบสถมีลักษณะเป็นพระเจดีย์อุโบสถ เป็นอาคารรูปกลมมีเจดีย์ทรงลังกาซ้อนอยู่ข้างบน ประดับตกแต่งตามศิลปะแบบโกธิค ประตูหน้าต่างเป็นรูปโค้งยอดแหลม ช่องแสงประดับด้วยกระจกสีเป็นลวดลาย ส่วนที่ด้านหน้าพระอุโบสถมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่รัชกาลที่ 5 ทรงปลูกเอาไว้อีกด้วย

“สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งสีชัง”

อีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ต้องไม่พลาดไปเยือนหากไปเกาะสีชัง นั่นก็คือ “ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่” ที่ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระ เป็นที่เคารพนับถือของชาวเกาะสีชังและคนในบริเวณใกล้เคียงโดยเฉพาะชาวจีน ตัวศาลเจ้าเป็นวิหารแบบจีนขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเขา ส่วนองค์เจ้าพ่อเขาใหญ่ประดิษฐานอยู่ในถ้ำ มีผู้คนเดินทางมาสักการะองค์เจ้าพ่อตลอดทั้งวัน และจะเยอะเป็นพิเศษในช่วงวันตรุษจีน โดยส่วนใหญ่ก็จะเดินทางมากราบไหว้ขอพระในเรื่องการค้าขายและการงานต่างๆ

ผู้คนที่ขึ้นมากราบท่านแล้วก็มักจะเดินมาชมวิวมุมสูงของเกาะสีชัง โดยที่นี่เป็นจุดชมวิวของเกาะได้อย่างสวยงาม มองเห็นท่าเรือยืนยาวลงไปในทะเล มีเรือโดยสารและเรือประมงจอดอยู่เต็มท่า มองเห็นบ้านเรือนของชาวเกาะอยู่รวมกันชุกชุมบริเวณใกล้ท่าเรือ เห็นประภาคารทรงเก๋งจีนตั้งโดดเด่น เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมาก

จากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่นี้มีทางเดินบนเขาต่อเนื่องไปยัง “รอยพระพุทธบาท” แต่หากใครไม่อยากเดิน ก็มีทางรถให้ขับหรือขี่ขึ้นไปบนเขาได้เลย รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ศิลารอยพระพุทธบาทโบราณมาจากอินเดีย รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้นำขึ้นไปประดิษฐาน ณ ไหล่เขายอดพระจุลจอมเกล้าไว้เป็นที่สักการะบูชา อีกทั้งยังได้พระราชทานชื่อไหล่เขาที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทนั้นว่า “ไหล่คยาสิระแห่งเขายอดพระจุลจอมเกล้า” อีกด้วย คนที่มาเยือนเกาะสีชังจึงควรมากราบสักการะเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และบริเวณนี้ก็เป็นจุดชมวิวเกาะสีชังที่สวยงามได้อีกแห่งหนึ่งเช่นกัน

ยลทะเลงาม นาม"ถ้ำพัง-เขาขาด"

พูดถึงจุดชมวิวเกาะไปหลายที่แล้ว คราวนี้มาชมวิวทะเลกันบ้าง ที่ “เขาขาด” หรือ “ช่องอิศริยาภรณ์” ซึ่งเป็นสถานที่ชมวิวพักผ่อนตากอากาศ หรือบางคนก็มาตกปลาที่นี่ ที่เขาขาดนี้จะมีทางเดินทอดตัวยาวลงสู่เบื้องล่างลดระดับไปตามไหล่เขา โดยทางเดินสายนี้ 2 ข้างทางประดับประดาไปด้วยดวงไฟหงส์ไปจนสุดสาย

ท้องทะเลบริเวณนี้มีสีเขียวอมฟ้า แม้จะไม่มีชายหาดให้ลงเล่นน้ำ แต่ก็มักมีคนมาเดินเล่นรับลมและถ่ายรูปกันไม่น้อยเลย โดยเฉพาะในช่วงเย็นที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้ด้วยเช่นกัน

มาถึงเกาะสีชัง จะไม่พาไปลงน้ำให้ตัวเปียกก็จะกระไรอยู่ ที่ “หาดถ้ำพัง” (อ่าวอัษฎางค์) เป็นชายหาดหนึ่งเดียวของเกาะ อยู่บริเวณทิศตะวันตก มีลักษณะเป็นอ่าวโค้ง หาดทรายขาวสวยงามมีผู้คนนิยมมาเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก โดยด้านเหนือหาดเป็นแหลมถ้ำพัง (แหลมจักรพงษ์) และทางทิศใต้เป็นแหลมตุ๊กตา

บริเวณชายหาดด้านบนจะมีบริการเก้าอี้ชายหาดให้นั่งพักผ่อนหรือสั่งอาหารมากินกันได้ในบรรยากาศสบายๆ ส่วนชายหาดด้านล่างเป็นหาดทรายกว้างให้ทำกิจกรรมกันได้เต็มที่ ทั้งเล่นทราย เล่นน้ำ มีบริการ เจ็ตสกี เรือบานาน่าโบท เช่าห่วงยาง พายเรือคายัค ฯลฯ ในช่วงเย็นๆ จะมีกลุ่มครอบครัวพ่อแม่ลูก และกลุ่มเพื่อนฝูงมาเล่นน้ำกันคึกคักสนุกสนาน

ส่วนกลุ่มคู่รักมักเดินจูงมือกันชมพระอาทิตย์ตกในบรรยากาศโรแมนติก ซึ่งดวงอาทิตย์กลมโตเป็นไข่แดงในวันนี้ก็ช่วยสร้างความสวีทหวานให้กับหาดถ้ำพังนี้ได้ไม่น้อยเลย

แหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวมานี้สามารถเที่ยวได้ในหนึ่งวัน ทำให้หลายๆ คนเลือกมาเที่ยวเกาะสีชังกันแบบไปเช้า-เย็นกลับ แต่ “ตะลอนเที่ยว” ขอบอกว่า จริงๆ แล้วแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะสีชังยังมีมากกว่านี้ และขอแนะนำว่าให้ใช้เวลาในแต่ละแห่งเพื่อซึมซับบรรยากาศของเกาะสีชังให้เต็มที่ ลองนอนค้างคืนสัก 1-2 คืน ใช้ชีวิตแบบไม่รีบเร่ง รับรองว่าต้องหลงเสน่ห์ “สีชัง” เหมือน “ตะลอนเที่ยว” แน่นอน

จากท่าเรือเกาะลอยที่ฝั่งศรีราชา เป็นจุดขึ้นเรือโดยสารไปยังเกาะสีชังที่ทั้งชาวบ้าน ชาวเกาะ และนักท่องเที่ยวต่างมาใช้บริการ มีเรือออกทุกชั่วโมง ค่าโดยสาร 50 บาทเท่านั้น ใช้เวลาราว 45 นาที ชมบรรยากาศทะเลและเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ในทะเลกันเพลินๆ เราก็เดินทางมาถึงเกาะสีชังกันแล้ว จากบนเรือมองเห็นประภาคารทรงเก๋งจีนอันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเกาะสีชังได้ชัดเจน

การท่องเที่ยวบนเกาะสีชังนั้นไม่ยากเลย เพราะเมื่อขึ้นเรือมาก็จะได้พบกับความคึกคักมีชีวิตชีวาของชาวเกาะ รวมถึงมอเตอร์ไซค์รับจ้างและรถสามล้อเครื่องนำเที่ยวเกาะรอให้บริการ แต่ก็ไม่ต้องกลัวจะโดนโก่งราคา เพราะเขามีราคาค่าพาเที่ยวเป็นมาตรฐานชัดเจน หากมาเที่ยวดุ่มๆ คนเดียวจะใช้บริการมอเตอร์ไซค์พาเที่ยวรอบเกาะ คิดราคา 150 บาท/คัน หากมากันหลายคนจะใช้บริการรถสามล้อ (นั่งได้ 4-5 คน) ก็จะพาไปเที่ยว 4 จุด หลักๆ ของเกาะ ก็ราคา 250 บาท/คัน เท่านั้น หรือแม้แต่อยากเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวเองก็มีบริการให้เช่ากันบริเวณท่าเรือเลย

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0