บรัสเซลส์, 28 มี.ค. (ซินหัว) -- สถิติเมื่อวันเสาร์(28 มี.ค.) ระบุว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดหนักทั่วยุโรป โดยยอดผู้เสียชีวิตในอิตาลีทะลุ10,000 รายแล้ว ส่วนสหราชอาณาจักรอยู่ที่1,000 ราย
เมื่อวันเสาร์(28 มี.ค.) องค์การอนามัยโลก(WHO) เผยแพร่ข้อมูลซึ่งระบุว่าโรคโควิด-19 ได้แพร่ระบาดในประเทศและภูมิภาคทั้งหมด201 แห่งทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อรวม571,678 ราย โดย324,761 ราย หรือร้อยละ56.8 เป็นผู้ป่วยในยุโรป
ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกสูงขึ้นอยู่ที่26,495 ราย โดย18,743 ราย หรือร้อยละ70.7 อยู่ในยุโรป กลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดได้แก่ อิตาลี, สเปน, เยอรมนี, ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร โดยประเทศเหล่านี้ดำเนินมาตรการปิดพรมแดน(เยอรมนี) หรือปิดประเทศแล้ว
อิตาลี: ได้รับอุปกรณ์การแพทย์จากต่างประเทศมากขึ้น
สำนักคุ้มครองพลเรือนของอิตาลีเผยแพร่ข้อมูลล่าสุด ว่าเมื่อวันเสาร์(28 มี.ค.) มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั้งหมด10,023 ราย และยอดผู้ป่วยสะสมรวมอยู่ที่92,472 ราย
ขณะที่บริการสาธารณสุขในอิตาลีต้องแบกรับแรงกดดันจากเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง อิตาลียังเดินหน้าซื้ออุปกรณ์ต่างๆ สำหรับโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในด่านหน้าของการต่อสู้กับเชื้อไวรัส
ผู้ค้าบริการสารสนเทศสาธารณะ(Public Informational Services Dealer - CONSIP) บริษัทจัดซื้อสังกัดกระทรวงการคลังอิตาลี ระบุว่าบริษัทฯ ได้รับอุปกรณ์การแพทย์จากหลายประเทศทั่วโลก ประกอบด้วย ท่อช่วยหายใจราว100,000 ชิ้น, หน้ากากอนามัยกว่า870,000 ชิ้น, อุปกรณ์ป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่คุ้มครองพลเรือนรวม12 ล้านชิ้น และอุปกรณ์เก็บตัวอย่างตรวจเชื้อเกือบ170,000 ชิ้น
บริษัทฯ ระบุเพิ่มเติมว่าเครื่องช่วยหายใจของผู้ป่วยวิกฤตและผู้ป่วยกึ่งวิกฤตจากฮ่องกงจำนวน370 เครื่อง ได้รับการขนส่งมาถึงอิตาลีเรียบร้อยในช่วงเช้าวันเสาร์(28 มี.ค.)
ในวันเดียวกัน รัฐบาลแอลเบเนียได้ส่งทีมแพทย์และพยาบาลรวม30 คนไปช่วยอิตาลีต่อสู้กับโรคระบาด โดยเอดี รามา(Edi Rama) นายกรัฐมนตรีแอลเบเนียกล่าวระหว่างพบปะกับทีมเจ้าหน้าที่ ที่กำลังจะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในอิตาลีว่า"ประเทศแอลเบเนียและประชาชนของเราไม่มีวันทอดทิ้งมิตรในยามยากแน่นอน"
สเปน: เพิ่มข้อบังคับใหม่กักตัวช่วงเทศกาลอีสเตอร์
เปโดร ซานเชซ(Pedro Sanchez) นายกรัฐมนตรีของประเทศสเปน ซึ่งมียอดผู้ป่วยสูงสุดเป็นอันดับ2 ของยุโรป รองจากอิตาลี ระบุว่าเมื่อวันเสาร์(28 มี.ค.) คณะรัฐมนตรีสเปนได้อนุมัติมาตรการ ที่กำหนดให้คนทำงานทั้งหมดอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา2 สัปดาห์ ยกเว้นผู้ทำงานที่ถูกจัดให้อยู่ในประเภทงานที่จำเป็น โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่30 มี.ค. จนถึงวันที่9 เม.ย.
ซานเชซกล่าวปราศรัยผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ว่า"เรามีช่วงวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์เกือบ7 วัน เราจึงเสนอให้ใช้ช่วงเวลานั้น ระงับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ผู้คนที่ปฏิบัติหน้าที่ที่จำเป็นยังคงได้รับค่าจ้าง" พร้อมเสริมว่าพนักงานทุกคนสามารถใช้เวลาที่เหลือตลอดปี ทำงานทดแทนช่วงเวลาที่ขาดหายไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
เมื่อวันเสาร์(28 มี.ค.) สเปนก้าวเข้าสู่วันที่14 ของภาวะฉุกเฉิน ซึ่งครอบคลุมช่วงวันที่14 มี.ค. - 12 เม.ย. เป็นอย่างน้อย โดยภาวะฉุกเฉินนี้จำกัดเสรีภาพการเดินทางของประชาชนอย่างเข้มงวด รวมถึงสั่งปิดร้านอาหาร บาร์ และร้านค้าทุกแห่ง ยกเว้นร้านที่ขาย"สินค้าจำเป็น"
กระทรวงสาธารณสุข กิจการผู้บริโภค และบริการสังคมของสเปนระบุสถิติเมื่อวันเสาร์(28 มี.ค.) ว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสเปนรวม5,690 ราย ผู้ป่วยสะสม72,248 ราย
ฝรั่งเศส: ยกระดับมาตรการ'ระยะยาว'
เมื่อวันเสาร์(28 มี.ค.) เอดัวร์ ฟีลิป(Edouard Philippe) นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสระบุว่าการต่อสู้เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วนั้น"เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น" โดยรัฐบาลฝรั่งเศสดำเนินการยกระดับ"มาตรการเข้มข้นระยะยาว"
"ผมขอเรียนอย่างตรงไปตรงมาว่า ช่วง15 วันแรกของเดือนเมษายนจะยากลำบากยิ่งกว่าที่ผ่านมา" ฟีลิปกล่าวในงานแถลงข่าว"เราอยู่ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ และเรากำลังตระเตรียมการต่อสู้ที่ยืนยาว เราจะเอาชนะศึกในครั้งนี้ได้ด้วยการปฏิบัติตามกฎการกักตัว และเว้นระยะห่างซึ่งกันและกัน" พร้อมกล่าวย้ำว่า"ฝรั่งเศสเตรียมพร้อมรบ และเราไม่ได้สู้ศึกครั้งนี้เพียงลำพัง"
เมื่อวันที่17 มี.ค. ฝรั่งเศสออกคำสั่งจำกัดการเดินทางของประชาชน67 ล้านคน เป็นเวลา2 สัปดาห์ จนถึงวันที่15 เม.ย. เป็นอย่างน้อย
สถิติเมื่อวันเสาร์(28 มี.ค.) ระบุว่ายอดผู้ติดเชื้อในฝรั่งเศสพุ่งขึ้นอีก4,611 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่37,575 ราย เสียชีวิตเพิ่ม319 ราย ดันยอดดับรวมแตะที่2,314 ราย
