ขณะที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เริ่มขึ้นเป็นวันแรก เพื่อพิจารณาพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 ทั้ง 4 ฉบับ ดำเนินไปอย่างเข้มข้นเมื่อ "ฝ่ายค้าน" ทั้งจากพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล นำทีมลุกขึ้นอภิปรายกลางสภาฯ
ภายหลังจากที่นั่งฟัง "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลักการและความจำเป็นที่รัฐบาลต้องออกพ.ร.ก.กู้เงินฯ สูงมากเป็นประวัติการ ถึง 1.9ล้านล้านบาท แล้ว ทำให้ แกนนำพรรคฝ่ายค้านต้องใช้สิทธิอภิปราย ฯ ว่าแม้รัฐบาล จะสามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19ได้ แต่ยังพบปัญหาในระหว่างการบริหารงาน อีกมากมาย
ตลอดระยะเวลา 5วัน 4 คืนที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน ฯ ครั้งนี้ ดูเหมือน ว่าไฮไลต์กลับไม่ได้อยู่เวทีสภาฯเท่านั้น เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งภายในพรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาลเอง ก็กลับอยู่ในสภาพที่เรียกว่า "ต่อไม่ติด"
เมื่อการแบ่งขั้ว แบ่งข้างกำลัง "ฟ้อง" สังคมอย่างชัดเจน ว่าจริงๆแล้วศึกภายในระหว่าง "ขั้วสามกุมาร" อันประกอบด้วย อุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าพรรค , สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค และ สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค กำลังจะลาออกจากพรรคแล้วพากันไปตั้งพรรคการเมืองใหม่
เพราะขัดแย้งกันอย่างหนักกับกลุ่มของวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล, สุชาติ ชมกลิ่น ประธานส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ผนึกกำลังกันบีบกลุ่มสามกุมาร ออกจากตำแหน่งในพรรค และเก้าอี้รัฐมนตรีในครม.
แม้ล่าสุด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ จะออกมายืนยันกับสื่อแล้วว่า "ไม่มีอะไร" รวมทั้งเรื่องที่จะพากันไปตั้งพรรคใหม่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ "มโนกันไปเอง" ทั้งสิ้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศึกภายในพรรคพลังประชารัฐนั้นยังไม่จบ แค่รอคอยจังหวะกลับมาเปิดเกมเขย่ากันใหม่ ในระหว่างนี้ถือเป็นการสะสม "ขุมกำลัง"เพื่อเตรียม "ต่อรองอำนาจ" เมื่อวันประชุมใหญ่ของพรรคให้มีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค ชนิดยกชุด มาถึง
ความวุ่นวายที่อยู่ภายในพรรค นับว่าน่าหงุดหงิดใจ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น้อย ล่าสุดยังกลายเป็นว่า "ลูกน้องคนสนิท" ของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ พากันประกาศตัวขอนำพาสังคมไปสู่ความเปลี่ยนแปลง เมื่อ "4อดีตแกนนำไทยรักไทย" ทั้ง "ภูมิธรรม เวชยชัย-นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี -นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช-พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล" ออกมาเคลื่อนไหวประกาศตัวเตรียมตั้งกลุ่มเพื่อเป็นความหวังให้กับผู้คนในประเทศที่ดูจะหมดหวัง กับรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์
แน่นอนว่าการออกมาประกาศตัว โชว์บทบาท และจุดยืนทางการเมืองของบรรดาอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ผ่านสื่ออย่างจงใจครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างสีสัน ดึงดูดเกมในสภาฯอยู่ไม่น้อย
เพราะหนึ่ง อย่าลืมว่ารายชื่อทั้ง 4 คนล้วนแล้วแต่เคยทำงานใกล้ชิด อดีตนายกฯทักษิณ มาตั้งแต่ยุคก่อตั้งพรรคไทยรักไทย
เมื่อกลุ่มนักเคลื่อนไหวข้างกายอดีตทักษิณ ขยับ มีหรือที่ บิ๊กเนม ในกองทัพและในครม.จะไม่จับตามอง !
