โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ฮ่องกงเอฟเฟกต์! จับตาผลเลือกตั้ง'พปชร.'รวมเสียงล็อกพรรคกิ๊ก/พท.เปิดวอร์รูม

ไทยโพสต์

อัพเดต 23 มี.ค. 2562 เวลา 17.01 น. • เผยแพร่ 23 มี.ค. 2562 เวลา 17.01 น. • ไทยโพสต์

  "สนธิรัตน์" เผยรวมเสียงตั้งรัฐบาลต้องพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นที่สนิทเป็นกิ๊กกัน รวมถึงต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เป็นเรื่องปกติ แต่ขอดูผลเลือกตั้งก่อน "อุตตม" ยอมรับมีการหารือกับพรรคอื่นแล้ว ยืนยันหลักการพรรครวมเสียงข้างมากได้จัดตั้งรัฐบาล ข้อมูลต้องถึง "บิ๊กตู่" เพราะพรรคเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยไม่พูดเยอะ รอผลเลือกตั้ง ส่วนเพื่อชาติยังเพ้อพาทักษิณกลับบ้าน 

    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ถึงความมั่นใจของพรรคก่อนเลือกตั้งว่า สำหรับเป้าหมายจำนวน ส.ส.ที่เราตั้งไว้นั้น หลังการเลือกตั้งก็จะทราบตัวเลขที่ชัดเจน แต่คาดว่าผู้สมัครของพรรคทั้งหมด จะชนะการเลือกตั้งได้เป็น ส.ส.ทั้งประเทศ จนพรรคพลังประชารัฐสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้     เขากล่าวว่า วันนี้กระแสความต้องการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคมีมาก หลังจากที่เราได้รณรงค์ให้เลือกลุงตู่กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องการคะแนนเสียงจากประชาชน เพื่อสนับสนุนให้กลับมาทำงานให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้อีกครั้ง จึงขอให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง เลือก พล.อ.ประยุทธ์ เพราะทุกเสียงมีความหมาย     นายสนธิรัตน์กล่าวว่า การจะรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพูดคุยกับพรรคอื่น รวมถึงการต่อรองในตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการเมือง แต่เวลานี้ยังพูดไม่ได้ว่าเราจะรวมกับใคร เพราะต้องรอดูผลการเลือกตั้งก่อน      "ผลการเลือกตั้งจะเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการตัดสินใจว่าจะร่วมกับพรรคใด ดังนั้นจำนวน ส.ส.และนโยบายพรรคจึงเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจ เราไม่ได้มีสูตรเดียวในการจัดตั้งรัฐบาล แต่มีแบบพหุสูตร คือมีหลายสูตรด้วยกัน"     เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า ในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ทุกคนในพรรคที่มีความสนิทกับคนของพรรคอื่น มีความเป็นกิ๊กกัน ก็สามารถไปทาบทามให้มาร่วมกันได้     ด้านนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้ประชาชนที่มีสิทธิ์ออกไปเลือกตั้งให้มาก เพราะคนไทยกำลังจะกำหนดอนาคตประเทศ พรรคพลังประชารัฐเสนอตัวเข้ามาทำงานให้พี่น้องประชาชนเวลานี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ อยากให้ประชาชนได้มีโอกาสพิจารณาและคิดถึงทางเลือกที่มีในทางนี้ว่าเราจะกำหนดประเทศเดินหน้าไปได้อย่างไรอย่างมีความสุข มีผู้นำที่สามารถรักษาไว้ซึ่งความสงบสุข นำพาประเทศให้ไปสู่โอกาส ไปสู่ความหวังที่จริงจังได้      ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อวันที่ 22 มี.ค.นั้น นายอุตตมกล่าวว่า จากกระแสตอบรับช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ปรากฏตัวบนเวทีจากสื่อต่างๆ และจากการประเมินผู้สมัครทั่วประเทศ พบว่ามีกระแสตอบรับดีเป็นบวกชัดเจนในการเดินหน้า 100 เมตรสุดท้ายนี้     "เท่าที่เห็นท่านไม่ได้พูดจาอะไรมาก แต่ท่านชื่นชมกับประสบการณ์ที่พี่น้องประชาชนให้การต้อนรับเป็นอย่างดีมากๆ ท่าทาง สีหน้า แววตา หลอกกันไม่ได้ ตอนที่พวกเราไปคุยกับท่านช่วงสั้นๆ ท่านได้ขอบคุณประชาชนที่มาให้กำลังใจและให้โอกาสมาพบปะ " บิ๊กตู่มีเอี่ยวตั้งรัฐบาลใหม่     เมื่อถามว่า การจัดตั้งรัฐบาลถ้าพลังประชารัฐได้เสียงข้างมาก หรือรวบรวมได้เสียงข้างมาก พรรคจะมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอุตตมตอบว่า หลักการพรรคพลังประชารัฐภายใต้การเลือกตั้งครั้งนี้ กฎ กติกา หากพรรคสามารถรวบรวมเสียงข้างมากจากพี่น้องประชาชนได้ เอาเป็นว่ามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่ได้ไปปิดกั้นใคร ว่าตามกติกา ใครรวบรวมเสียงข้างมากได้มีโอกาสจัดตั้ง      ซักว่าภายหลังปิดหีบรู้คะแนนแล้วจะฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลเลยหรือไม่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตอบว่า เดี๋ยวรอดู วันที่ 24 มี.ค.จะเห็นผลแล้ว จะเป็นตัวที่ชี้ว่าพรรคของเราหรือพรรคอื่นก็ตาม จะมีการเจรจาหรือหารือกันอย่างไร      ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีส่วนจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายอุตตมเผยว่า เรื่องนี้เรามีหลักการของพรรค ใช้กลไกของพรรคเป็นหลักที่จะหารือภายใน แต่อีกจุดหนึ่ง ข้อมูลก็ต้องถึง พล.อ.ประยุทธ์เป็นธรรมชาติ เพราะเราได้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์และท่านรับเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรค      ถามว่า หลักการจัดตั้งรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลก่อนใช่หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า หลักการของเราคือพรรคใดที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ ก็น่าจะเป็นพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล       ถามถึงกระแสข่าวพลังประชารัฐมีการเจรจาพรรคอื่นจัดตั้งรัฐบาลไว้แล้ว นายอุตตมตอบว่า การเจรจาไม่มี แต่การพูดคุยกันกับพรรคอื่นมีคุยอยู่แล้ว เพราะรู้จักและเข้าสนามเลือกตั้งด้วยกัน จึงถือเป็นธรรมดา นัดพบปะพูดคุยกัน เราแข่งขันกันก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่      ซักว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร แล้วได้คุยกับพรรคประชาธิปัตย์หรือยัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตอบว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราว ขอรอดูวันที่ 24 มี.ค.ก่อนว่าผลเป็นอย่างไร      เมื่อถามว่า ถ้าพลังประชารัฐได้จัดตั้งรัฐบาล จะปิดตายพรรคเพื่อไทยเลยหรือไม่ นายอุตตมแจงว่า เราพูดมาโดยตลอด พรรคพลังประชารัฐอยากให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นด้วยความสงบ สมกับที่พี่น้องประชาชนคาดหวังอยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคพลังประชารัฐยังไม่เคยพูดเลยว่าปฏิเสธพรรคไหน แต่บอกว่าให้ผลออกมาก่อนแล้วเราจะดู เพราะพลังประชารัฐก็มีเกณฑ์ของเรา ง่ายๆ พื้นฐาน อุดมการณ์ต้องร่วมกันระดับหนึ่ง นโยบายต้องไปด้วยกันได้ ถึงเวลานั้นจะมาดูเองว่าเป็นอย่างไร       ถามอีกว่า ต้องมีการเจรจาต่อรองทางการเมืองอะไรอีกหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า การเจรจา การต่อรองในเชิงการเมือง ตนคิดว่าเป็นธรรมชาติ เป็นปกติทางการเมืองของประเทศไทย      ซักว่ามั่นใจหรือไม่จะไม่ถูกหักหลังกลุ่มที่มีการพูดคุยกัน ให้เป็นพลังประชารัฐโดดเดี่ยว หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตอบว่า ไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะพวกเราทุกคนไม่ได้กังวล ณ จุดนั้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะผลการเลือกตั้งยังไม่ออก รอให้ผลเลือกตั้งและเกิดการเจรจาก่อน   ร่วมงานกับทุกพรรค     ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า โดยส่วนตัวตนเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่แพ้หรือชนะกันด้วยเงิน แต่ชนะกันด้วยเหตุผล คือนโยบายของแต่ละพรรคจะโดนใจประชาชนมากน้อยแค่ไหน และอีกอย่างหนึ่งคือ ยุคสมัยนี้ผู้คนตื่นตัว รวมทั้งมีสื่อโซเชียลมีเดีย มีอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งกล้องวงจรปิด กล้องมือถือ ที่สามารถบันทึกภาพได้ทันที ทำให้ทุกคนสามารถช่วยกันตรวจสอบ ทำให้การซื้อสิทธิ์ขายเสียงหรือคืนหมาหอนจะลดลงไปเยอะมาก ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเองได้เน้นย้ำกับผู้สมัครทุกคนให้หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ห้ามไปพัวพันกับการทุจริตซื้อเสียงเด็ดขาด     เมื่อถามว่า ในพื้นที่ จ.สุโขทัย รวมถึงพื้นที่ภาคเหนือ ประเมินจากกระแสปัจจุบันแล้วจะได้ ส.ส.มากน้อยแค่ไหน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าใน จ.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.ยกจังหวัด จ.พิษณุโลก น่าจะปักธงเจาะได้ 1 เขต ส่วนในพื้นที่ภาคเหนือ เราตั้งเป้าหมายไว้ที่กว่า 20 ที่นั่ง จากการลงพื้นที่ และกระแสล่าสุดถือว่ายังเข้าเป้า      ส่วนภาคอื่นๆ ก็ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้นเมื่อรวมจาก ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อแล้วเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.ทั้งหมด 150 คนบวกลบ  และจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน เราไม่กังวลกับการที่พรรคการเมืองอื่นปรามาสว่าพรรคพลังประชารัฐอาจได้ ส.ส.ไม่ถึง 100 และต้องไปเป็นฝ่ายค้าน ตนยังมั่นใจว่าเราจะเป็นอันดับ 1 หรือ 2 และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน     "เหตุผลที่ประชาชนควรเลือกพรรคพลังประชารัฐ คือ เราเป็นพรรคที่เป็นกลางทางการเมือง ไม่มีปัญหาขัดแย้งกับพรรคใด สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยร่วมงานได้กับทุกพรรค ไม่เหมือนพรรคใหญ่อื่นๆ ที่มีปัญหากันมานานและยังไม่สนิทใจกัน"     เขากล่าวว่า การที่พรรคเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ถือว่าเหมาะสมในการดูแลความสงบ ส่วนทีมด้านเศรษฐกิจ เรามีทีมบุคลากรที่เชี่ยวชาญ จะพัฒนาระบบให้ประชาชนอยู่ดีกินดี รวมทั้งนโยบายใหม่ๆ ที่เราคิดขึ้นจากการระดมสมองของผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทำให้โดนใจประชาชนเป็นอย่างมาก     นายสมศักดิ์กล่าวว่า วันที่ 24 มี.ค. เป็นวันสำคัญของประเทศ เป็นวันที่พี่น้องชาวไทยจะกำหนดอนาคตของประเทศ อยากให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกไปใช้สิทธิให้เยอะๆ ไปกันตั้งแต่เช้า จะได้ไม่ร้อนและมีเวลาเหลือพักผ่อน      นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ช่วงเช้าวันที่ 24 มี.ค. แกนนำพรรคแต่ละคนจะเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ที่ตัวเองมีสิทธิเลือกตั้ง จากนั้นแกนนำพรรคจะเข้ามาที่ทำการพรรคเพื่อไทยเพื่อติดตามการเลือกตั้ง และรอจนปิดหีบลงคะแนน รวมถึงรอฟังผลการเลือกตั้งตามที่ กกต.ระบุจะรวบรวมเสร็จประมาณ 5 ชั่วโมง หรือประมาณ 22.00 น.  พาทักษิณกลับบ้าน           ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไรนั้น ขอให้เห็นผลการเลือกตั้งก่อนว่าประชาชนจะว่าอย่างไร แต่ที่สำคัญที่สุด อยากให้ทุกภาคส่วนยึดเจตนารมณ์ของประชาชนเป็นสำคัญ      คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันจันทร์นี้ (25 มี.ค.) พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมเหตุการณ์ที่อาจถูกมองได้ว่าเข้าข่ายการทุจริตเลือกตั้ง ทั้งก่อนและหลังมารวบรวม และพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับ กกต. โดยเฉพาะกรณีที่รถขนส่งหีบบัตรเลือกตั้งขาดการติดต่อไปจำนวน 8 คัน ซึ่งจะมีผลต่อคะแนนเสียงอย่างมาก หากเกิดการทุจริตเลือกตั้ง     "มั่นใจว่าพรรคจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะประชาชนฝากความหวังไว้กับพรรคเพื่อไทย อีกทั้งตลอดการลงพื้นที่หาเสียงในช่วงที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และมองว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นทางออกในการแก้ปัญหาของประเทศได้ ส่วนจะได้จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ต้องรอดูผลการเลือกตั้งก่อน ซึ่งพรรคยึดกติกาเป็นหลัก การที่จะจัดตั้งรัฐบาลนั้นควรเป็นเรื่องของพรรคที่ได้ผู้แทนฯ ที่มาจากเสียงของประชาชนมากที่สุดก่อน" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว     นายยงยุทธ ติยะไพรัช กองเชียร์เสาหลักพรรคเพื่อชาติ เปิดเผยว่า พรรคจะเปิดปราศรัยใหญ่พรรคเพื่อชาติ “เอาทักษิณ กลับบ้าน” ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา พรรคการเมืองต่างๆ มักจะพูดถึงนโยบายของพรรคตัวเองว่าดีอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้เลือก แต่ลืมนึกถึงภาพรวมของทั้งระบบว่าตลอดช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา สิ่งที่ดำรงอยู่คือระบอบรัฐประหาร ซึ่งต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ล้มล้างระบบการปกครอง ล้มล้างรัฐธรรมนูญ มีโทษถึงประหารชีวิต      แต่เนื่องจากคนเหล่านี้มีปืน มีอำนาจ จึงนิรโทษกรรมตัวเองกลายเป็นคนไม่มีความผิด ส่วนศัตรูทางการเมือง ก็ตามไล่ล่า สร้างข้อกล่าวหา กดดัน  โดยข้ออ้างของการยึดอำนาจจะอ้างถึงการคอร์รัปชัน แต่พอตัวเองมามีอำนาจ นอกจากแก้ปัญหาไม่ได้ ยังเกิดการคอร์รัปชันมากขึ้นไปอีก อีกทั้งยังอ้างถึงความจงรักภักดี ความแตกแยก และปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้      นายยงยุทธกล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุดครั้งนี้ เพื่อจะได้สั่งสอนพวกเผด็จการทั้งหลายว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาเหล่านั้นคิด ประชาชนควรมีหลักพิจารณาในการกาบัตรเลือกพรรคการเมือง ไม่เลือกพรรคที่เชียร์คนยึดอำนาจเด็ดขาด ไม่เลือกพรรคที่เคยด่าระบอบทักษิณ แต่สุดท้ายก็เอาคนที่เคยอยู่ในระบอบทักษิณ เคยมีปัญหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชันมาอยู่เต็มพรรคตัวเอง แถมมากลายเป็นเทวดาว่าจะสามารถแก้ปัญหาของชาติได้      "ไม่เลือกพรรคที่จับคนเป็นตัวประกัน สร้างข้อกล่าวหา หากไม่มาอยู่ด้วยก็จะถูกดำเนินคดี ถูกตรวจสอบ เลือกพรรคที่ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย มีจุดยืนมั่นคง ไม่เลือกพรรคที่ส่งเสริมการสืบทอดอำนาจ ทำให้เกิดปัญหาชาติบ้านเมือง เลือกพรรคที่รักประเทศ รักบ้านเมืองจริงๆ มองเห็นการแก้ปัญหามากกว่าการสร้างปัญหา เช่น ถ้าไม่เลือกคนนี้ปัญหาก็จะเกิด ไม่เลือกคนนี้ก็จะต้องมีการยึดอำนาจต่อไปอีก หรือถ้าไม่เลือกพรรค เราก็จะต้องไปเดินขบวนกันต่อ" นายยงยุทธกล่าว  ตามกระแสประชาชน     นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ถ้าต้องการชนะเผด็จการ เลือกพรรคใหญ่มันไปชนเพดาน เราจำเป็นที่จะต้องมีพรรคเพื่อชาติไว้เติมเต็มคะแนนให้กับฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยชนะ พรรคเพื่อชาติก็ร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน แต่ว่าไม่มีวันที่จะไปร่วมสืบทอดอำนาจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์โดยเด็ดขาด เพราะว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนเขาไม่ต้องการ เขาต้องการการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ตนเชื่อว่าในเขตเลือกตั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน     นายจตุพรกล่าวถึงการขึ้นเวทีปราศรัยพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ถึงที่สุดก็พบสัจธรรม คือถ้าชนะเห็นๆ พล.อ.ประยุทธ์ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องออกตัวในเวทีสุดท้าย และพูดก็ไม่กี่นาทีกับอีกหนึ่งเพลง ซึ่งก็ไม่ได้เนื้อหาสาระอะไรที่เป็นสิ่งใหม่ หรือวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ การออกมาครั้งนี้เป็นเพียงการแสดงตัวเสียมากกว่า     ส่วนกรณีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศจัดตั้งรัฐบาลทันทีหลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะได้กี่เสียง นายจตุพรกล่าวว่า เป็นความพยายามของพรรคพลังประชารัฐ แม้ว่าดูปรากฏการณ์ภายนอก ไปปราศรัยคนมากทุกที่ ก็ล้วนแล้วแต่คนที่อยู่ในกลไกรัฐ ถ้าพรรคพลังประชารัฐจะได้ที่ 1 จริง ก็จะไม่พูดเช่นนี้ ที่พูดเพราะเขารู้ว่าอย่างไรก็จะมิได้ที่ 1 และก็ไม่รู้ว่าจะได้สักกี่คะแนนเสียงด้วย แต่ว่าท้ายที่สุดนั้นตนเชื่อว่ากระแสประชาธิปไตยจะไปกดดันให้เจตนารมณ์ความประสงค์ของประชาชนในวันเลือกตั้ง บอกว่าประชาชนต้องการให้ใครเป็นรัฐบาล ซีกใดเป็นรัฐบาล อย่างไรก็ไม่มีใครที่จะไปทวนกระแสประชาชนได้      นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ออกแถลงการณ์ว่า แถลงจุดยืนทางการเมืองดังต่อไปนี้     ข้อ 1 นับตั้งแต่ผมเองกลับเข้ามาทำงานการเมือง จนเข้ามาเป็นสมาชิกของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ผมประกาศชัดเจนว่าไม่สามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน และ ทางพรรคเศรษฐกิจใหม่ก็ได้ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนมาโดยตลอดเช่นกัน ในทุกเวทีการเมืองตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน ขอยืนยันว่าจุดยืนและอุดมการณ์ดังกล่าวจะไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น     ข้อ 2 เราขอยืนยันว่าจะทำงานร่วมกับฝั่งประชาธิปไตย และคำนึงถึงเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต และผลประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนชาวไทย     อนึ่ง ถ้ามีการอ้างความเป็นประชาธิปไตย แล้วพบว่ามีการทำงานโดยไม่ซื่อสัตย์ สุจริต ต่อพี่น้องประชาชนชาวไทยเกิดขึ้น เราพร้อมจะขอถอนตัวออกมาทันที 'สุวัจน์'ชี้การเมือง 3 ก๊ก      นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เข้มข้น และมีการร้องเรียนเรื่องซื้อเสียงกันบ้างแล้ว ซึ่งตนก็กำชับผู้สมัครของพรรคทุกคนว่า ต้องยึดกฎกติกาเป็นหลัก ส่วนใครจะทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งนั้น ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะดำเนินการเอง จึงไม่รู้สึกหนักใจอะไรนัก      "ตอนนี้ผมมองว่าการเมืองแบ่งเป็น 3 ก๊ก ก๊กแรกพรรคพลังประชารัฐ ก๊กที่สองพรรคเพื่อไทย และก๊กที่สามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะต้องมีพรรคใดพรรคหนึ่งได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ดูเหมือนว่าขณะนี้ยังปิดประตูใส่กันอยู่เลย ดังนั้นระหว่างการเลือกตั้ง นักการเมืองอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของการเมือง แต่หลังการเลือกตั้ง อยากให้ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องของบ้านเมือง ต้องมีความสามัคคี ปรองดองกัน แง้มประตูไว้บ้าง อย่าปิดประตูสนิท จนไม่สามารถพูดคุยอะไรกันได้ เอาประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก เพราะหลังเลือกตั้งจะต้องมีรัฐบาลมาบริหารประเทศ"     เขากล่าวว่า ถ้ารัฐบาลมีเสียงไม่ถึง 250 เสียง ก็จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะบริหารประเทศไม่ได้เลย รัฐบาลควรจะมีเสียงเกินครึ่งของ ส.ส. 500 คน ถ้าจะให้ดีต้องมี ส.ส.ประมาณ 300 คน ถึงจะมีความเสถียรภาพ และทำให้ต่างชาติมีความเชื่อมั่นที่สุด รวมทั้งมีฝ่ายค้านที่ไม่น้อยเกินไป เหมาะสมกับการถ่วงดุลอำนาจได้ แต่ถ้ายังแบ่งเป็น 3 ก๊กอยู่อย่างนี้ ประเทศก็เดินหน้าต่อไปได้ยาก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ตนเชื่อว่าไม่มีพรรคการเมืองใดที่จะได้ ส.ส.เกิน 250 คนแน่นอน     นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย สื่อสารผ่านเพจเฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban ว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. คนไทยทั้งประเทศ คงได้เห็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคใหญ่ๆ กันคึกคัก แต่โฟกัสสำคัญกลับไปอยู่ที่ฮ่องกง เพราะ “นายใหญ่” ที่ปัจจุบันเป็นนักโทษหนีคดี กล้าประกาศข้ามหัวคนไทยทั้งชาติว่าจะ “ชนะเลือกตั้งแน่นอน”     เห็นกันแล้วว่าใครบ้าง ประกาศจะพานายใหญ่กลับบ้าน พี่น้องมวลมหาประชาชน ได้ยินได้ฟังแล้วคิดเห็นอย่างไร ?     นานนับ 10 ปีที่พันธมิตร-มวลมหาประชาชน และคนไทยที่รักชาติ ต่างเข็ดขยาดกับความเลวร้ายของระบอบทักษิณจนต้องออกมาชุมนุม ถึงวันนี้ คนไทยก็ยังถูกหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน เห็นกันชัดๆ แล้วว่า “ตัวร้ายยังคงอยู่” มวลมหาประชาชนจึงต้องตั้งพรรคการเมืองที่เป็นของพวกเราเอง เพื่อไม่ให้พรรคในระบอบทักษิณกลับเข้ามาหาผลประโยชน์ให้พวกพ้องตัวเองได้อีก การเลือกตั้งครั้งนี้ ผมจึงต้องขอร้องให้ออกมาใช้สิทธิ์กันทุกๆ คน     อย่าปล่อยให้อคติใดมาบังตา เพราะตัวร้ายตัวเดิมยังยืนอยู่ตรงหน้าสู้ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่แพ้หรือชนะทางการเมือง แต่มี 3 สถาบันหลักของชาติเป็นเดิมพัน จะยอมให้ประเทศเป็นแบบนั้นหรือ สำคัญจริง …ออกมาเลือกตั้งกันเถอะครับ      นายเถกิง สมทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้  "ภาพเหตุการณ์ที่ "ฮ่องกง"  ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นไปอีกว่า "ทำไมกำนันสุเทพวางมือการเมืองไม่ได้.."     ส่วน ดร.เสรี วงษ์มณฑา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ปรากฏการณ์การตัดสินใจจะเลือกลุงตู่ที่เคยเกิดเมื่อเช้าวันที่ 8 มีนา กลับมาอีกครั้ง เมื่อได้เห็นภาพที่ว่อนใน Fb เมื่อคืนวานค่ะ"     ด้าน พล.อ.ประยุทธ์โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก ในอิริยาบถสบายๆ  โดยสวมเสื้อยืด กางเกงขาสั้น นั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในบ้านพัก พร้อมระบุข้อความว่า “หนังสือคือเพื่อนของเราทุกคน”           ทั้งนี้ เป็นการโพสต์เฟซบุ๊กก่อนเวลา 18.00 น. กกต. ห้ามนักการเมืองและพรรคการเมืองรณรงค์หาเสียง.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0