เครือฮิลตัน (Hilton) บริหารจัดการโรงแรมกว่า 5,700 แห่งใน 113 ประเทศทั่วโลก ทั้งยังมีห้องพักกว่า 923,000 ห้อง ดังนั้น จึงนับเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับอย่างมากในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม ที่นอกจากจะดูแลลูกค้าที่มาพักในโรงแรมให้มีประสบการณ์ที่ดีแล้ว ฮิลตันยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจสร้างประโยชน์ต่อชุมชนทั่วโลก
โดยเป้าหมายเพื่อสังคมล่าสุดของเครือฮิลตัน คือ การมุ่งมั่นที่จะเพิ่มการลงทุนด้านสังคมมากขึ้นเป็น 2 เท่า พร้อมกับช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 ผ่านการทำธุรกิจการโรงแรมที่มีความรับผิดชอบทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า
“พอล ฮัทตัน” รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตในเครือฮิลตัน กล่าวว่า ฮิลตันมองเห็นโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมการโรงแรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบันและอนาคต เพราะจากข้อมูลขององค์กรการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น 7% ในปี 2018 ซึ่งเป็นการเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากนี้ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างประเทศ 6%
“ฮิลตันไม่มองเรื่องโอกาสการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่เรามุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่เป็นสมาชิกของชุมชนที่ดีในชุมชนที่มีโรงแรม และรีสอร์ตของเราตั้งอยู่ โดยมีแนวทางแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมครอบคลุมในหลายมิติ ตามกรอบดำเนินงานระดับโลกที่เรียกว่า Travel with Purpose (การเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีวัตถุประสงค์) ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2011 โดยเราโฟกัสในการสร้างคุณค่าร่วมจากนั้นต่อมาในปี 2018 เราจึงประกาศเป้าหมาย Travel with Purpose 2030 Goals โดยมุ่งมั่นที่จะเพิ่มการลงทุนในการดำเนินงานเพื่อสังคมมากขึ้นเป็น 2 เท่า พร้อมกับช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมครึ่งหนึ่งให้ได้ ภายในปี 2030 ผ่านเป้าหมายสำคัญ 5 เสาหลัก ดังนี้”
หนึ่ง อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จากการตรวจเช็กสิ่งที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวทางวิทยาศาสตร์ เช่น การลดคาร์บอนฟุตพรินต์ การลดของเสียโดยใช้นวัตกรรมใหม่เพื่อการดำเนินงานที่ยั่งยืน
สอง เคารพชุมชน โดยร่วมอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม และธรรมชาติในท้องถิ่น รวมถึงส่งเสริมความเคารพต่อบุคคลในท้องที่ด้วย
สาม ส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวในชุมชน
สี่ จัดหาอย่างมีรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการสนับสนุนการจ้างงานคนในท้องถิ่น เพื่อแสดงออกถึงการปฏิบัติที่รับผิดชอบในห่วงโซ่อุปทาน
ห้า สร้างโอกาสให้คนในชุมชน ด้วยการพัฒนาทักษะ และการจ้างงาน รวมถึงลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในชุมชน โดยใช้ความสามารถด้านธุรกิจการโรงแรมของฮิลตันผลักดันโรงแรมระดับท้องถิ่นให้เติบโตไปพร้อมกัน
“เป้าหมาย Travel with Purpose 2030 Goals จึงเป็นเป้าหมายที่จับต้องได้ เพราะสอดคล้องกับวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติปี 2030 (United Nations” 2030 Agenda for Sustainable Development) ซึ่งเรามีคำมั่นสัญญาในการดำเนินการตามเสาหลักทั้ง 5 ด้านในทุกพื้นที่ที่เราทำงาน เพื่อส่งเสริมธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม ให้มีวัตถุประสงค์ที่มีคุณค่า ซึ่งความมุ่งมั่นของเราส่งผลให้เราได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) ให้อยู่ในรายชื่อบริษัทที่มีความโดดเด่นในความพยายามเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น (Change the World List) ในปี 2018 and 2019″
“นอกจากนั้นในปี 2018 ฮิลตันยังเป็นแบรนด์โรงแรมรายใหญ่แห่งแรกที่กำหนดเป้าหมายด้านคาร์บอนตามหลักวิทยาศาสตร์ ตามข้อตกลงปารีส โดยเราประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยคาร์บอนถึง 34% ทั้งนั้น เรายังเป็นแบรนด์โรงแรมรายใหญ่แห่งแรกที่เข้าร่วมโครงการ EP100 ของ Climate Group โดยมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตพลังงานของเรา”
เมื่อถามว่าฮิลตันติดตามความคืบหน้าในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนอย่างไร “พอล ฮัทตัน” บอกว่า เราติดตามความคืบหน้าของเป้าหมาย Travel with Purpose 2030 Goals ผ่าน LightStay ซึ่งเป็นเทคโนโลยีวัดประสิทธิภาพความรับผิดชอบต่อสังขององค์กรที่เป็นกรรมสิทธิ์ของฮิลตัน ซึ่งถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 2009 เพื่อช่วยคำนวณและวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม จากการทำงานของฮิลตันในแต่ละพื้นที่ เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถวัดการใช้พลังงาน การใช้น้ำ ปริมาณของเสีย และปริมาณคาร์บอน
“ระบบ LightStay ช่วยลดความยุ่งยากในการวัดการใช้พลังงาน น้ำ และการปล่อยของเสียให้เป็นในรูปแบบคะแนน ดังนั้นจึงสะดวกในการดูแนวโน้มและการเปรียบเทียบ ทั้งยังทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่ทำผ่านมาได้มากน้อยแค่ไหน และต้องปรับปรุงอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบผลคะแนนในแต่ละปี และแต่ละพื้นที่ โดยโรงแรมในเครือฮิลตันแต่ละแห่งจำเป็นต้องใช้แพลตฟอร์มเดียวกันในการติดตามการดำเนินโครงการเพื่อสังคมตลอดทั้งปี”
“ทั้งนี้ LightStay ยังมีประโยชน์ต่อการบริหารจัดการต้นทุน เพราะช่วยให้เราสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ”
“แพลตฟอร์มดังกล่าวยังช่วยให้ทุกโรงแรมของฮิลตันได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 และมาตรฐานการจัดการพลังงาน ISO 50001 โดยในช่วง 6 ปีผ่านมา LightStay ช่วยเราลดการใช้พลังงานลง 14.5% ลดการใช้น้ำลง 14.1% และลดปริมาณขยะลง 27.6% และช่วยทำให้เราประหยัดเงินได้ถึง 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลานั้น”
“พอล ฮัทตัน” พูดถึงผลลัพธ์จากการดำเนินงานภายใต้กรอบ Travel with Purpose ต่อว่า ฮิลตันสามารถลดปริมาณขยะจากการดำเนินธุรกิจถึง 41% โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงอัตราการรีไซเคิลหลายรูปแบบ เช่น การรีไซเคิลสบู่ที่เหลือจากห้องพักให้เป็นสบู่ก้อนใหม่ที่สะอาด เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่ด้อยโอกาส และมีความต้องการใน 127 ประเทศ เป็นการช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และลดอัตราการตายทั่วโลก ที่สำคัญเราตั้งใจที่จะลดขยะจากสบู่ให้เป็น 0 ภายในปี 2030 ซึ่งผ่านมาเรารีไซเคิลสบู่ไปแล้วกว่า 9.6 ล้านก้อน
“นอกจากนั้น เรายังมุ่งมั่นที่จะลดขยะเศษอาหารลง 50% ในปี 2030 โดยถึงตอนนี้เราลดไปแล้ว 41% ทั่วโลก จากการนำอาหารเหลือจากการจัดเลี้ยง หรือห้องอาหาร ที่ยังสดใหม่และรับประทานได้ ไปบริจาคยังสถานพักพิงในละแวกใกล้เคียง ส่วนอาหารที่ไม่สามารถส่งต่อได้ เรานำไปหมักทำปุ๋ยอินทรีย์ ช่วยให้โรงแรมประหยัดค่าใช้จ่ายค่าปุ๋ยได้ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน”
ในปีนี้เรามุ่งเน้นไปที่การลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวจากโรงแรมทั้งหมดของเรา โดยเปลี่ยนจากหลอดพลาสติกเป็นหลอดกระดาษ หรือหลอดที่สามารถนำมาล้างใช้ใหม่ได้ นอกจากนั้นเรายังเปลี่ยนจากการใช้พลาสติก เป็นขวดบรรจุน้ำตามห้องพัก และห้องจัดเลี้ยง มาเป็นกล่องกระดาษลามิเนตแข็งที่นำไปรีไซเคิลได้อีกด้วย
จึงนับว่าฮิลตันเป็นผู้นำในธุรกิจการท่องเที่ยว และการโรงแรม ที่แข็งแกร่งในการนำแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนมาใช้ได้อย่างเหมาะสมอย่างยิ่ง
