โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

อุบัติเหตุที่ปลิดชีวิตเธอ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งอย่างปาฏิหาริย์ ด้วยรักแท้และศรัทธา - ดีกับใจ

LINE TODAY

เผยแพร่ 12 พ.ค. 2563 เวลา 19.02 น. • @mint.nisara

เรื่องราวของหญิงสาวที่ชื่อ แอชลีย์ พูล กลายเป็นแรงบันดาลใจของคนทั้งโลก หลังจากที่เธอออกมาแชร์ว่าเคยประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกือบคร่าขีวิตของเธอไปอย่างหวุดหวิด และทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากระหว่างที่เธอกำลังแค่จะขับรถพาเจ้าหมาไปหาหมอ

“วันที่ 31 มกราคม 2015 ตอนนั้นฉันอายุ 19 ปี และเป็นวันที่ฉันต้องขับรถพาเจ้าลิลลี่ ลูกหมาของฉัน ไปฉีดยา ทุกอย่างปกติมาก ๆ จนกระทั่งมีรถบรรทุกฟางที่อยู่ดี ๆ ก็ขับพุ่งมาทางเลนฉันอย่างเร็ว ฉันตกใจและหักพวงมาลัยหนีเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกชนแต่รถก็เกิดเสียหลักหมุนจนควบคุมไม่ได้และพลิกคว่ำ ตัวฉันกระเด็นออกนอกรถไปประมาณ 15 เมตรซึ่งตอนนั้นฉันมีสตินะ แต่ไม่รู้สึกอะไรเลย ขยับตัวก็ไม่ได้ ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวคือลิลลี่เป็นอะไรไหม ฉันพยายามลุกแต่ก็ทำไม่ได้จนมีคนที่เห็นเหตุการณ์วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด

ภาพรถของแอชลีย์หลังอุบัติเหตุ / ขอบคุณภาพจาก Love What Matters

“พูดอะไรสักอย่างหน่อย ช่วยพูดอะไรออกมาหน่อย” เขาตะโกนบอกด้วยความร้อนรน

“ช่วยด้วย” ฉันตอบกลับไป และสิ่งต่อมาที่ฉันจำได้อย่างลาง ๆ คือมีรถพยาบาลมารับตัวและส่งต่อฉันให้กับเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งเพื่อพาไปยังโรงพยาบาลใหญ่ในรัฐแอตแลนต้า 

ระหว่างทาง ร่างกายฉันไม่ตอบสนองใด ๆ แล้ว เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าฉันหยุดหายใจตั้งแต่เทคออฟ พวกเขาต้องปั๊มหัวใจให้ตลอดทางและเมื่อไปถึงปลายทาง ร่างกายฉันก็หยุดทำงานโดยสิ้นเชิง ชีพจรหยุดเต้น ความดันเลือดก็กลายเป็นศูนย์ ฉันถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดในทันทีเพื่อกู้ชีวิตกลับคืนมา คุณหมอพบว่าม้ามของฉันแตก อวัยวะภายในเลือดออก ทีมแพทย์เลยต้องรีบรักษาเพื่อให้เลือดหยุดไหล แต่ร่างกายของฉันก็แตกร้าวมาก ๆ จนไม่สามารถช่วยอะไรให้ดีไปมากกว่านี้ 

ทุกคนภาวนาขอให้ฉันผ่านพ้นคืนนั้นไปได้อย่างปลอดภัย ถึงแม้ความหวังจะริบหรี่มาก ๆ ก็ตาม แต่ปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่มาก ๆ ก็เกิดขึ้น เพราะฉันทำได้!

ฉันมีชีวิตอยู่ด้วยท่อและเครื่องช่วยหายใจอีก 2 วันหลังจากนั้น จนคุณหมอเห็นว่าฉันแข็งแรงพอที่จะเข้าเครื่องซีทีสแกนเพื่อหาจุดอื่น ๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ แรงกระแทกส่งผลให้กระดูกสันหลังแตกเป็นเสี่ยง ๆ พวกเขาเลยรีบส่งฉันเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้งเพื่อดามกระดูกด้วยน็อตหลายแท่งเหล็กเล็ก ๆ ครั้งนี้ใช้เวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมงและถึงแม้ผลจะออกมาเป็นที่น่าพอใจ ร่างกายท่อนล่างของฉันกลายเป็นอัมพฤกษ์ในทันที หมอบอกว่าฉันจะไม่สามารถเดินได้หลังจากนี้หรือแม้แต่ขยับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายท่อนล่างได้เลย แต่หลังจากที่ได้รับการผ่าตัดปอดอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ฉันก็ไม่หมดหวังนะ พยายามฝึกใช้ชีวิตใหม่ในรถเข็น ซึ่งระยะเวลาทั้งหมดที่ฉันต้องอยู่ในโรงพยาบาลก็ผ่านไปเกือบปี”

ภาพวันแต่งงานของแอชลีย์ / อบคุณภาพจาก Love What Matters
ภาพวันแต่งงานของแอชลีย์ / อบคุณภาพจาก Love What Matters

แอชลีย์ใช้ชีวิตอย่างมี “เป้าหมาย” มากขึ้น เธอบอกว่าการที่เธอประสบอุบัติเหตุตั้งแต่ยังเด็กกลายเป็นเหมือนบทเรียนชีวิตที่ถูกย่อเอาไว้ภายในเวลา 1 ปีที่เธอพักรักษาตัว “ตอนอายุ 19 คงไม่มีใครคิดหรอกว่าคุณนอนหลับ คุณตื่นขึ้นมาแล้วกลายเป็นคนพิการภายในชั่วข้ามคืน มันสอนให้ฉันมองเห็นชีวิตจากอีกด้านหนึ่ง มองเห็นความสวยงามทุก ๆ สิ่งรอบ ๆ ตัวและการหาเป้าหมายของการมีชีวิตต่อไป”

ถึงนักกายภาพบำบัดจะวินิจฉัยว่าเธอจะเดินด้วยขาที่อ่อนเปลี้ยไม่ได้อีกแล้ว แต่แอชลีย์พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าไม่มีอะไรที่จะมาจำกัดความตั้งใจของเธอได้ ในวันแต่งงานของเธอ แอชลีย์เดินเข้าพิธีพร้อมกับคุณพ่อโดยปราศจากเก้าอี้รถเข็น เธอใช้เวลามากกว่า 3 ปีเพื่อฝึกซ้อมและฟื้นฟูร่างกายเพื่อวันสำคัญนี้ “ฉันมีภาพวันแต่งงานของตัวเองอยู่ในหัวแล้วว่า ฉันจะควงแขนคุณพ่อเดินเข้างานแบบสวย ๆ เหมือนที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝัน และฉันจะไม่ยอมให้อุบัติเหตุครั้งนี้เปลี่ยนภาพนั้นอย่างเด็ดขาด

<i>ภาพของแอชลีย์และสามี / ขอบคุณภาพจาก Love What Matters</i>
ภาพของแอชลีย์และสามี / ขอบคุณภาพจาก Love What Matters

สามีของเธอก็คือแฟนคนที่อยู่เคียงข้างมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนเธอประสบเหตุร้ายจนถึงวันที่เธอลกับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และลิลลี่ เจ้าหมาที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็ยังคงเป็นเพื่อนซี้ที่สนิทกันมากกว่าเดิมของแอชลีย์จนถึงทุกวันนี้

“หวังว่าเรื่องราวของฉันจะทำให้ทุกคนกล้าลุกขึ้นสู้อีกสักครั้ง สิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือจงออกไปใช้ชีวิตซะ ใช้มันให้คุ้มค่า ไม่ว่าคุณอาจจะต้องเจอกับเรื่องร้าย ๆ บ้างก็เถอะ ที่สำคัญ ควรตั้งเป้าหมายและออกไล่ตามความฝันนั้นอย่างไม่ย่อท้อ” ทั้งหมดนี้คือคุณค่าของชีวิตที่แอชลีย์ได้เรียนรู้และอยากบอกต่อ เราเองก็หวังว่าการหยิบยกเรื่องของเธอมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกัน จะช่วยเติมเต็มกำลังใจในช่วงที่ยากลำบากนี้ได้บ้าง 

เราเป็นกำลังใจให้นะคะ : )

อ้างอิง

Love What Matters

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0