อุทาหรณ์โพสต์ไม่คิด ตำรวจแจ้งความกู้ศักดิ์ศรี ถูกสาวใหญ่โพสด่าตั้งด่าน “เปรตขอส่วนบุญ” แจ้งความฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ตำรวจเตรียมออกหมายเรียก
ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีเรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์ในการโพสต์ข้อความในโลกโซเชียลโดยไม่ยั้งคิด เมื่อตำรวจจราจร สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ เข้าแจ้งความกับร้อยเวรสอบสวน สภ.หางดง ให้ดำเนินคดีกับหญิงวัย 55 ปี คนหนึ่ง ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน หลังหญิงคนนี้ถ่ายภาพและโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ดูหมิ่นการทำงานในการตั้งด่านของตำรวจ จนทำให้ตำรวจสุดทนแจ้งความดำเนินคดี
โดยเมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.มานิตย์ คำปัน รองสารวัตรจราจร สภ.หางดง ได้เข้าแจ้งความกับหญิงคนนี้ ( น.ส.บัวจันทร์ กันทิยะ อายุ 55 ปี 158/2 หมู่ 10 ต.ทุ่งต้อม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ) ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ ขอให้ร้อยเวรดำเนินคดีตามกฏหมาย
โดยระบุว่า เช้าวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ได้ตั้งด่านบนถนนด้านหน้าโรงพัก เพื่อกวดขันวินัยจราจรและป้องกันอาชญากรรม ซึ่งเป็นไปตามหน้าที่ปกติ มีการติดตั้งป้ายสัญญาณตามระเบียบการตั้งด่านทุกอย่าง
แต่หลังจากเลิกด่าน กลับพบว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กหนึ่ง ถ่ายภาพการตั้งด่านและนำไปโพสต์ในเพจด่านเชียงใหม่ พร้อมระบุข้อความว่า ” ตะวาเป็นวันศีลเดือน 4 เป็ง เช้านี้ที่หน้าโรงพักมีเปรตมาส่วนบุญ”
ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เหมาะสมและถือว่าเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของตำรวจ จึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดี เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของตำรวจและเป็นอุทาหรณ์การโพสต์โดยมียั้งคิด
ล่าสุดเช้าวันที่ 23 ม.ค.2562 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.หางดง พบด้านหน้าโรงพักมีการตั้งด่านตรวจตามปกติ โดยเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าเสียใจที่ถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี แต่ก็พร้อมทำงานต่อไปอย่างเต็มที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยและป้องปรามอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้น
ขณะที่ ร.ต.อ.มานิตย์ ไม่เข้าเวรและไม่ขอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เช่นเดียวกับสารวัตรจราจร ผู้บังคับบัญชาของ ร.ต.อ.มานิตย์ ที่ระบุสั้น ๆ ว่า ตำรวจก็เป็นเหมือนประชาชนทั่วไป เมื่อถูกดูหมิ่นก็มีการดำเนินการตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกมารับทราบข้อหาและดำเนินคดีไปตามกฏหมาย
สำหรับการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 “ผู้ใดดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทําการตามหน้าที่ หรือ เพราะได้ กระทําการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ”
