โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

อุทาหรณ์บินโดรน เจอค่าปรับเฉียด 3 แสน

ข่าวช่องวัน 31

อัพเดต 19 พ.ย. 2561 เวลา 07.30 น. • เผยแพร่ 19 พ.ย. 2561 เวลา 03.36 น. • one31.net
อุทาหรณ์บินโดรน เจอค่าปรับเฉียด 3 แสน

หนุ่มบินโดรน นำภาพมาแชร์โซเชียล ถูกกรมการบินพลเรือนฯ เรียกปรับเฉียด 3 แสน แต่เจ้าตัวขอสู้คดีในชั้นศาล สุดท้ายจ่ายค่าปรับทั้งสิ้น 55,000 บาท…

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์การนำโดรน ไปบินถ่ายภาพต่างๆ เพื่อนำมาแชร์ในโซเชียลเมื่อกลางปี 2560 แต่ปรากฎว่าถัดมาไม่กี่เดือน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้โทรมาเรียกไปชี้แจง เพราะมีหลักฐานทั้งหมดที่ปรากฎอยู่บนเฟซบุ๊ก ก่อนจะเรียกไปอีกครั้งเพื่อเสียค่าปรับ 290,000 บาท หากไม่จ่ายก็จะถูกฟ้องดำเนินคดี แต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็เลือกที่ขอสู้คดีในชั้นศาล

เวลาต่อมา เจ้าตัวต้องติดต่อไปยังตำรวจทั้ง 4 สน. ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เขาทำกระทำผิดและทางกรมการบินพลเรือนได้ส่งฟ้องดำเนินคดี สุดท้ายแล้วเขาต้องขึ้นศาลทั้งหมด 4 ครั้ง และเสียค่าปรับไปทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงิน 55,000 บาท โดยเจ้าตัวได้นำเรื่องมาแชร์เป็นอุทาหรณ์ เพราะข้อหาที่โดนคือ ฝ่าฝืนบินโดรนโดยไม่มีใบอนุญาต บินยามวิกาล บินในพื้นที่ชุมชนและการทำการบินเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้คือ 90 เมตร มีความผิดตามมาตราที่ 24 พ.ร.บ.เดินอากาศ ปีพ.ศ.2497 

สำหรับข้อความทั้งหมดที่เจ้าตัวได้นำมาแชร์ไว้เป็นอุทาหรณ์ ระบุข้อความว่า

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวโดรนทุกคน ขอแบ่งปันประสบการณ์จากการโดนเรียกปรับจากสนง.การบินพลเรือนเนื่องมาจากการบินโดรนโดยไม่มีใบอนุญาต บินยามวิกาล บินในพื้นที่ชุมชนและการทำการบินเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้คือ90เมตร ฝ่าฝืนมาตราที่24 ตามพรบ.เดินอากาศ ปีพ.ศ.2497 ซึ่งเป็นข้อกฏหมายที่มีมานานมากแล้ว แต่เครื่องบินโดรนเพิ่งจะมีบินกันทั่วฟ้าเมืองไทยได้ไม่กี่ปี แต่พรบ.เดินอากาศนี้ก็ยังครอบคลุมอยู่จนถึงปัจจุบัน

เรื่องเริ่มมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี2560 มีโทรศัพท์จากสนง.การบินพลเรือนโทรเข้ามาหาผม แจ้งว่าผมได้กระทำความผิดปล่อยโดรนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามสถานที่ต่างๆช่วงระหว่างวันที่ 8สิงหาคม - 14กันยายน พ.ศ.2560 ฝ่าฝืนมาตราที่24 พรบ.เดินอากาศปี2497 ให้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงที่สนง.การบินพลเรือนหลักสี่ ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกัน สอบถามพี่ๆในวงการถ่ายภาพก็ไม่มีใครเคยโดนมาก่อน ขั้นตอนการโดนเรียกให้ไปชี้แจงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้เลย จนถึงวันที่ไป ผมก็นั่งฟังเจ้าหน้าที่ไปก่อน ไม่ได้เสนออะไร ก็ชี้แจงไปตามภาพและหลักฐานที่เค้าแคปเจอร์ภาพถ่ายมาจากเฟซบุ๊ค ปริ้นท์ออกมาเต็มหน้ากระดาษ ขนาดA4 ซึ่งผมก็อธิบายตอบคำถามในแต่ละภาพเท่าที่จำได้ บินด้วยโดรนชนิดไหน รุ่นไหน บินด้วยความสูงเท่าไหร่ ทำการขึ้นบินตรงไหน ปล่อยโดรนบินวันที่เท่าไหร่และเวลากี่โมง ผมตอบครบหมดทุกภาพรวมทั้งหมด 8 ภาพ ผมสอบถามกลับว่าทำไมผมจึงโดนเรียกทั้งๆที่แต่ละภาพนั้นผมลอกเลียนแบบคนที่บินมาก่อนในเฟซบุ๊คทั้งนั้น ทำไมไม่เคยมีใครเคยโดนเลย เค้าบอกกำลังจะทะยอยเรียกบุคคลเหล่านั้น การมาชี้แจงวันนี้ก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการต่อไป และสุดท้ายให้ผมมีข้อเสนอแนะอะไรมั้ย ผมก็ระบุไปว่า ผมไม่ทราบข้อกฏหมายจริงๆ ทำการขึ้นบินโดยเน้นว่าไม่ไปบินบริเวณสนามบินและพื้นที่เขตกองทัพ และเขตพระราชวัง และห้ามบินโดยอย่าให้เกิดอุบัติเหตุเด็ดขาด (ผมคิดเท่านั้นจริงครับ) แต่ก็ยอมรับผิดว่าได้กระทำความผิดฝ่าฝืนพรบ.จริงและจะขอนำการทำผิดครั้งนี้ไปตักเตือนคนอื่นๆต่อไป และตัวเองก็ไม่ทำแล้ว ขอความเห็นใจจริงๆ (ตอนที่ผมเข้าไปชี้แจงนั้นโดรนสปาร์คของผมตกน้ำที่อ่าวฮ่องกงไปก่อนหน้าแล้ว) ก็จบเท่านั้นละครับ ผมนึกว่าเรื่องจบแล้ว คงเป็นการตักเตือนจริงๆ แต่ไม่ใช่เลย

จากเดือนตุลาคมปี2560ล่วงเลยมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี2561ผมได้รับจดหมายอีก1ฉบับและโทรศัพท์มาจากสนง.การบินพลเรือนอีกครั้งให้เข้าไปรับฟังพิจารณาเปรียบเทียบปรับ ผมสอบถามว่าเท่าไหร่ ปลายสายตอบผมกลับมาว่าทั้งหมด 290,000บาท ใช่ครับฟังไม่ผิด สองแสนเก้าหมื่นบาท!!! ลดค่าปรับให้สามหมื่นบาทจากค่าปรับทั้งหมด 320,000บาท ผมโมโหมากจนแทบจะสบทคำด่าอยู่ในใจแต่ก็ตอบไปว่าผมไม่ไปและจะไม่จ่ายและพร้อมจะโดนดำเนินคดี ใครมันจะไปคิดว่าการมีโดรนบินเล่นสักตัว ซึ่งเรายอมรับว่าบินผิดกฏหมายจริง แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องค่าปรับที่มหาโหดขนาดนี้มาก่อน ตอนนั้นผมพยายามวิ่งเต้นอยู่ครับ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครช่วยได้ ถึงขั้นว่าจะเพิกเฉยไม่สนใจมันเลย แต่สุดท้ายไม่อยากหนีปัญหาครับ เพราะคดีมีอายุความ5ปี หมายเรียกมาไม่ไปก็จะตามด้วยหมายจับ เพิกเฉยไปมันจะใช่เหตุ ผมยอมโทรเข้าไปที่สนง.การบินพลเรือนเพื่อขอเข้าพบคณะกรรมการอีกครั้งช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์

ใช้เวลาเกือบค่อนวันกว่าจะออกมาจากห้องประชุม ก็คุยกันดีดีด้วยเหตุผล ข้างในห้องประชุมมีจนท.หลายฝ่ายเป็นสิบกว่าคน ผมพยายามคุยร้องขอเพื่อให้ทางคณะกรรมการลดค่าปรับ แต่ก็เหมือนเดิม ต้องระวางโทษปรับตามมาตราที่78 ไม่มีการลดค่าปรับและไม่มีใครช่วยได้ ถ้าจ่ายค่าปรับตรงนี้ ก็จะไม่มีการดำเนินคดีใดๆ จบตรงนี้เลย(เอาจริง ๆ เหมือนมัดมือชกมากๆ เพราะมาตราที่78ของพรบ.เดินอากาศนั้น ระบุไว้ว่าปรับสูงสุดไม่เกินสี่หมื่นบาท นั่นหมายความว่าตั้งแต่.25สตางค์แรกก็สามารถปรับได้ แต่จะปรับที่ยอดสูงสุด ผมมองว่าเป็นเรื่องที่แย่มากๆ) คณะกรรมการบางท่านพยายามอธิบายให้เราเห็นภาพว่าถ้าเรื่องไปถึงศาลก็อาจจำคุก เพราะโทษมีทั้งปรับและจำคุก เราก็รู้สึกกลัว แต่ผมโทรถามเพื่อนทนายในตอนนั้น ก็บอกว่าใช่ มันมีข้อนี้ทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล แต่ผมเชื่อมั่นตัวเองว่า ไม่มีเจตนาบินโดรนเพื่อบุกรุกสถานที่ ไม่มีเจตนาก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย หรือ ล่วงละเมิดความมั่นคงของชาติแต่อย่างใด คือทุกอย่างพูด คุย อธิบายไปหมดแล้ว แต่ทำไรไม่ได้เลย

สุดท้ายในวันนั้นผมไม่เซนต์ชื่อยอมรับชำระค่าปรับ เพราะถ้าเซนต์ต้องจ่าย 2แสน9หมื่นบาท ภายใน30วัน ผมยอมไปสู้คดีในศาลต่อไป รอหมายเรียกมาจากสน.ตำรวจ สู้คดีกันอีกยาว

ผมโดน2แสน9หมื่นบาท ไม่จ่าย ไปสู้คดีในศาลต่อไป ซึ่งทางออกเป็นไปได้สองทาง คือ

  1. รับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง

  2. ทั้งจำทั้งปรับ เพราะเป็นคดีอาญา

ผ่านไปจนถึงกรกฏาคมที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์จากนายตำรวจที่สน.ราษฏร์บูรณะให้ไปติดต่อเพื่อทำสำนวนส่งฟ้องศาล ซึ่งก็ได้มีการนัดวันไปพบช่วงเดือนสิงหาคมถัดมา ที่นี่ผมบินที่สะพานแขวน ซึ่งผมก็ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด 1 กรรม สรุปศาลท่านพิจารณาปรับ5,000บาทและมีโทษจำคุกด้วยแต่รอลงอาญาไว้1ปี ถัดจากนั้นอีก1เดือน ผมตามเรื่องเองด้วยการโทรสอบถามกับฝ่ายกฏหมายของสนง.การบินพลเรือนว่าได้ส่งฟ้องไปที่สน.ไหนบ้าง ผมจะได้ไปติดต่อคดีความต่าง ๆ ที่เหลือให้มันจบ

ครั้งที่สองช่วงเดือนกันยายน ผมติดต่อไปที่สน.บุปผาราม ซึ่งที่นี่ผมโดน2กรรม 2วาระ จากการขึ้นบินที่วงเวียนใหญ่ ศาลท่านสั่งปรับผมทั้ง2กรรม รวมเป็นจำนวน5,000บาท พร้อมทั้งโทษจำที่รอลงอาญาไว้1ปี (ที่นี่ผมพยายามให้ร้อยเวรช่วยทำรวมทุกกรรมแล้วฟ้องทีเดียว แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะผมทำผิดต่างพื้นที่กัน โทรกลับไปปรึกษากับฝ่ายกฏหมายของสนง.การบินพลเรือน เค้าก็มีความตั้งใจว่าส่งเรื่องให้สน.ตำรวจแล้วจะฟ้องทีเดียวทุกกรรม แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ต้องไปขึ้นศาลทีละกรรมที่ทำความผิดไว้

ครั้งที่สาม ผมทำการขึ้นบินที่สามย่านหน้าตึกจามจุรีสแควร์ ไปติดต่อที่สน.ปทุมวัน ที่นี่ศาลท่านก็พิจารณาปรับผมอย่างเดียวจำนวนเท่ากันกับที่ผ่านมา คือ 5,000 บาท และโชคดีที่นี่ไม่มีโทษจำคุก (ถึงตอนนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว4กระทง 4กรรม 4วาระ กับการขึ้นศาลทั้งหมด3ครั้ง ยังเหลืออีก4กรรม)

ผ่านมาจนถึงเดือนนี้พฤศจิกายน ล่าสุดผมไปที่สน.พญาไท จากการขึ้นบินแถวๆอนุสาวรีย์ชัยฯ ร้อยเวรที่สน.นี้ก็ทำสำนวนไป1กรรม แต่พอไปถึงสำนักอัยการ ปรากฏว่าอัยการท่านให้รวมคดีที่เหลืออยู่อีก4กรรมให้รวมฟ้องทีเดียว (อนุสาวรีย์ชัย,โลหะปราสาท และอีก2กรรมที่บริเวณ สเตททาวเวอร์บางรัก) ผมรู้สึกโอเคมากเลย เพราะจะได้จบเรื่องไปในคราวเดียว ยอมเสียเวลาไปอีก2วันเพื่อไปเอาผลคดีความที่ผ่านมาพร้อมเลขคดีดำคดีแดง แล้วกลับไปโรงพักเพื่อทำสำนวนใหม่ ไปศาลอีกรอบ ซึ่งคราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และที่นี่ศาลท่านพิจารณาปรับผมทุกกรรม รวมทั้งหมด40,000บาท โทษจำ6เดือนรอลงอาญาไว้1ปี (ครั้งนี้เกือบซวยเหมือนกัน เพราะผมเตรียมเงินไปศาลเพียงสามหมื่นบาทเท่านั้น เงินไม่พอขาดอีก1หมื่นบาท ผมคิดว่าเต็่มที่ก็คงเหมือนที่ผ่านมาคือกรรมละ 5,000บาท รวม4กรรมก็น่าจะประมาณ 20,000บาท แต่พลาดไปเพราะศาลท่านปรับกรรมละหมื่น ดีที่ร้อยเวรอนุญาตให้ออกจากห้องพิจารณาไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มได้ เพราะถ้าไม่มีเงินหรือเงินไม่พอหลังจากศาลสั่ง ก็โดนลากเข้าคุกทันทีนะครับ)

สรุปแล้วจบสิ้นนกระบวนความ ผมเสียค่าปรับจากเรื่องราวนี้ทั้งหมด 55,000บาท แล้วคงลาขาดจากการบินโดรนแน่นอน ที่เล่ามาก็เพื่อเป็นอุทาหรณ์นะครับ ใครจะแอบบิน ใครจะโพสลงสื่อต่าง ๆ ในเฟซบุ๊ก ในยูทูป ในไอจี ก็ควรระวังไว้ครับ ให้ระลึกว่าเสมอเลยว่า ค่าปรับมันสูงมาก ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จากสนง.การบินพลเรือนยังคงจับตาดูอยู่และทำงานอย่างต่อเนื่องซุ่มดูอยุ่ตามเฟซบุ๊คต่างๆ จากที่เคยถามมาแม้ว่าขอใบอนุญาตมาแล้ว แต่จะทำการขึ้นบินก็ยังคงต้องโทรไปแจ้งขออนุญาตทำการขึ้นบินอยู่ดีครับ

หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อเตือนใจให้ใครต่อใครอย่าทำผิดกฏหมายเกียวกับการบินโดรนนะครับ และต้องขออนุญาตเอ่ยชื่อองค์กรจากสนง.การบินพลเรือนแห่งประเทศไทยด้วยครับ ไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงเรื่องราวใดๆให้เสียหายครับ ต้องขออนุญาตไว้ ณ ที่นี่ครับ ขอบคุณเพื่อนๆในวงการโดรนและวงการถ่ายภาพหลาย ๆ คนอย่างที่สุดครับ ให้ข้อเสนอแนะ เอาใจช่วยคอยติดตามผลว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ถึงตอนนี้อ่านจบก็คงรู้กันแล้วนะครับ สิ่งที่ผมทำผิดอีกเรื่องนึงคือ ผมเก็บเรื่องไว้นานเป็นปีโดยที่ไม่บอกภรรยาคู่ชีวิตและคนทางบ้านในครอบครัวเลยสักคน เก็บเรื่องเครียดๆไว้เพียงลำพัง จนถึงวันที่รู้ว่าจะต้องขึ้นศาลเป็นครั้งสุดท่้ายและเรื่องต้องจบสิ้นในวันนี้ ผมถึงได้คุยกับภรรยาให้รับฟังและเข้าใจครับ

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0