คณะกรรมาธิการยุโรป เรียกร้องชาติสมาชิกของสหภาพยุโรปหรืออียูเพิ่มความเข้มงวดในการออกพาสปอร์ตและวีซาทอง ที่จะออกให้กับนักลงทุนหรือเศรษฐีชาวต่างชาติที่นำเงินมาลงทุนในประเทศ แต่มาตรการนี้กำลังกลายเป็นช่องว่างให้ผู้ที่กระทำความผิดฐานทุจริตคอร์รัปชันและฟอกเงินเดินทางเข้าประเทศ เพื่อหลบหนีการถูกดำเนินคดี ซึ่งส่วนใหญ่คือชาวจีน, รัสเซีย และอเมริกัน จนทำให้เกิดความเสี่ยงทั้งในด้านความมั่นคง, การฟอกเงิน และการหลีกเลี่ยงภาษี
ก่อนหน้านี้ มีรายงานของกลุ่มองค์กรเอกชน เตือนว่า กลุ่มอาชญากรใช้พาสปอร์ตและวีซาทองของอียูเพื่อหลบหนีการกระทำความผิด ทั้งยังมีสมาชิกอียูหลายประเทศที่มอบสัญชาติให้กับเศรษฐีชาวต่างชาติ ทำให้บุคคลเหล่านี้สามารถเดินทางได้อย่างเสรีภายในกลุ่มประเทศสมาชิก และสิทธิ์อื่นๆ เทียบเท่าพลเมืองของประเทศ โดยองค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ จากกรุงเบอร์ลิน และองค์กรโกลบอล วิตเนส จากกรุงลอนดอน เปรียบเทียบว่าพาสปอร์ตและวีซ่าทองของยุโรปไม่ต่างจากสินค้าฟุ่มเฟือย โดยในช่วง 10 ปีมานี้มีการออกพาสปอร์ตทองไปแล้วประมาณ 6,000 คน และออกวีซาอีกประมาณ 100,000 คน เพื่อแลกกับเงินลงทุนในประเทศประมาณ 25,000 ล้านยูโร ซึ่งในรายงานระบุด้วยว่า สเปน, ไซปรัส, โปรตุเกส และสหราชอาณาจักร คือประเทศที่ได้รับเงินลงทุนมากจากวีซาทองมากที่สุด โดยสเปนได้เงินถึงปีละ 976 ล้านยูโร และสหราชอาณาจักรได้ 498 ล้านยูโร
…