โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

'อีฟ'กลัวเก็บมีดหวั่น'เสก'คิดสั้น 'กานต์'ยันฉี่ไร้สารเสพติด

เดลินิวส์

อัพเดต 21 ส.ค. 2561 เวลา 12.04 น. • เผยแพร่ 21 ส.ค. 2561 เวลา 09.28 น. • Dailynews
'อีฟ'กลัวเก็บมีดหวั่น'เสก'คิดสั้น 'กานต์'ยันฉี่ไร้สารเสพติด
“เสือ"เผยแผนแรกคิดจะวางยาสลบพ่อ “กานต์” ยันผลตรวจฉี่ “เสก” ไม่พบสารเสพติด ยอมหยวนๆไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูลูก 3-4 เดือน ด้าน “อีฟ” รับตอนอยู่บ้านเดียวกันกลัว ตอนนี้ห่วงธุรกิจ-งาน-เงินหยุดชะงัก

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 ส.ค. "กานต์-วิภากร" อดีตภรรยา พร้อมด้วย "เสฏกานต์ ศุขภิมาย" หรือน้องเสือ ลูกชายคนโต และ "อีฟ อภิสร์ญา" แฟนสาวคนปัจจุบัน"เสก โลโซ" ได้มานั่งร่วมกันแถลงข่าวเปิดใจถึงกรณีนำตัวร็อกเกอร์ชื่อดังออกจากบ้านไปรักษาอาการป่วยโรคไบโพล่าร์ โดย "น้องเสือ" กล่าวว่า ตอนแรกมีแผนจะวางยาสลบ แต่มันไม่เวิร์ค พ่อหลับไปแค่ครึ่ง ชม. จากนั้นก็ตื่นขึ้นมาไลฟ์สดต่อ โดยตอนเข้าไปนำตัวออกจากบ้าน ต้องให้บอกว่า รปภ.หน้าหมู่บ้านว่า เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิจะเข้าไปรับของบริจาค พ่อถึงยอมให้เข้าไป จนกระทั่งแผนดังกล่าวสำเร็จ โดยตัวพ่อเป็นไบโพล่าร์ขั้นสุดท้ายแล้ว แต่ไม่ถึงขั้นโรคจิต หรือฆ่าตัวตาย ซึ่งถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา ก็มีสิทธิ์อาจทำเช่นนั้น โดยโรคนี้หากกินยาเข้าไป ก็สามารถรักษาได้ ที่ผ่านมาเขาคิดว่าตัวเองไม่เป็นไร สบายดี แต่ไบโพล่าร์ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันคือหนักแล้ว ตนกำลังจะเดินทางกลับไปเรียนที่อเมริกา ก็รู้สึกเป็นห่วงพ่อ แต่อยู่ในความดูแลของหมอแล้ว ก็คงดีขึ้น จะรีบกลับไปเรียนต่อให้จบ จากนั้นมีแผนจะกลับมาเป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลแม่และน้องๆ ส่วนคนที่พ่อไลฟ์สดด่า ก็ได้มีการกราบขอโทษบางคนแทนไปแล้ว อาทิ อากู๋ ไพบูลย์ และโอ๊ค พานทองแท้ ที่ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะรู้ว่าพ่อป่วย สำหรับเรื่องความสัมพันธ์กับพ่อ มีปัญหาพ่อแม่ทะเลาะกันมีมากนานแล้ว จนชิน ไม่รู้สึกน้อยใจ แต่สงสารและเป็นห่วงน้องๆ

ขณะที่ กานต์ กล่าวว่า ต้องปรึกษาหมอก่อนว่าจะรักษาอย่างไร ใช้เวลานานเท่าไหร่ ยังตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่กังวลกลัวว่าเสกจะเข้าใจผิด ว่าการนำตัวไปรักษา ทำด้วยความไม่หวังดี ตอนนี้เพิ่งเข้าโรงพยาบาลไปได้ 3 วัน ก็คงยังไม่ดีขึ้นมาก แต่ตอนนี้อยากให้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองเยอะๆ แต่เท่าที่เช็กข้อมูลกับทางโรงพยาบาล ยืนยันผลการตรวจปัสสาวะไม่มีสารเสพติดใดๆ อาการดังกล่าวเกิดจากโรคไบไพล่าร์ที่เวลานี้เป็นขั้นรุนแรง ซึ่งหากเสกอาการดีขึ้นแล้วมาต่อว่า ก็จะเจอด่ากลับแน่ ถ้าทำขนาดนี้แล้วเขายังมองไม่ดี ต่อไปก็คงไม่ทำอะไรแล้ว ส่วนเรื่องงานแสดงของเสก อยากให้รักษาจนหายเสียก่อน ค่อยมาพูดกันทั้งเรื่องงานและเรื่องเงิน ที่ไม่ได้จ่ายค่าเลี้ยงดูลูกๆ มาให้ 3-4 เดือนแล้ว ตอนนี้ยังไม่อยากเอาเรื่อง แต่ถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ต้องคุยกัน โดยขอฝากถึงเสก หากหายดีแล้ว อยากให้กลับไปดูไลฟ์สดของตัวเอง จะได้เห็นถึงการกระทำ ถ้าไปด่าคนอื่นแล้วเขาเอาเรื่อง ตัวเองจะมีปัญหาจ่ายหรือไม่ จากนั้นไปขอให้ดูแลตัวเองไปพบแพทย์ มีวินัยกินยา จะได้ไม่เดือดร้อนคนรอบข้าง

ด้าน อีฟ กล่าวว่า ตอนที่บอกว่าจะวางยาสลบเสกไม่กล้าทำ อยากให้เข้ามาจับตัวตอนเขายังรู้สึกตัวดีกว่า ซึ่งตอนมีคนบุกเข้ามาก็ตกใจ ตอนนี้เสกยังไม่รู้ว่าทั้ง 3 คนร่วมมือกันเอาตัวไปรักษา จากนั้นต่อไปหากเสกออกจากโรงพยาบาลก็พร้อมจะดูแลตามที่หมอแนะนำ ส่วนช่วงตอนเสกป่วยที่อยู่บ้านด้วยกัน ก็เครียดเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะหนีไปไหน หนียังไงก็ต้องกลับไปอยู่ดี จึงทำได้แค่คอยดูอยู่ห่างๆ เขาอยากทำอะไรก็ต้องปล่อยให้ทำไป เวลาเราคุยโทรศัพท์กับใคร เขาก็จะระแวง แต่ยังไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ที่สำคัญต้องเก็บมีดไว้ให้ไกล กลัวเขาฆ่าตัวตาย โดยเสกไปหาหมอครั้งสุดท้ายเมื่อปี 60 ที่ผ่านมา ตอนนั้นเขาอ้างว่าหมอบอกว่าใกล้หายแล้ว กลับมาจึงไม่ได้กินยาอีกเลย สำหรับเรื่องธุรกิจเสก ต้องชะงักไว้ก่อน เพราะไม่มีพนักงาน จึงยังไม่มีรายได้ใดๆเข้ามา มีแค่ค่าลิขสิทธิ์ ก่อนหน้านี้ก็มีคนติดต่องานเข้ามาเยอะเหมือนกัน

ทั้งนี้"กานต์" ได้รีบพูดเสริม"อีฟ" ว่า ถ้ายังดูแลแบบเดิมเดี๋ยวจะโดน ถ้ายังตามใจเสกอีก ตอนนั้นก็ยังสงสัยว่าอีฟอยู่ได้อย่างไร ตอนที่กานต์อยู่กับเสก วันหนึ่งมีประมาณ 3-4 อารมณ์ โรคนี้ถ้าไม่ไปรักษาหรือกินยาก็จะกลับมาอีก

อ่านข่าวทั้งหมดของ เสก โลโซ ได้ที่นี่…..

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0