โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

อิสระ...คือยาวิเศษของชีวิต

Rabbit Today

อัพเดต 23 เม.ย. 2562 เวลา 11.34 น. • เผยแพร่ 23 เม.ย. 2562 เวลา 11.34 น. • ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ (แกะดำทำธุรกิจ)
Do-not-manipulate-life-biz-buzz-Rabbit-Today-banner

ผมมีความเชื่อว่า คุณภาพชีวิตของคนเราจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตของคนคนนั้น

ในช่วง 20 ปีแรก ถ้ารู้จักบริหารจัดการ เลือกเส้นทางชีวิตเป็นตั้งแต่เด็ก ผมมีความแน่ใจว่าชีวิตที่เหลือ คนคนนั้นจะตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ 

น้องชายผมเคยพูดเล่นกับผมว่า เราสองคนพี่น้องมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง น้องผมเอาดีทางสายวิทยาศาสตร์เรียนหนังสือได้ดีมาก และทำงานสายบริหารจัดการ ส่วนผม เขาเคยวิจารณ์ว่าเป็นพวกชอบศิลปะ ทั้งๆ ที่เราทั้งสองคนเรียนจบมาทางวิศวกรรมทั้งคู่ 

พวกเราทั้งสองคนต้องกราบขอบพระคุณคุณพ่อและคุณแม่ที่ให้อิสระกับเราในการใช้ชีวิตตั้งแต่ตัวเท่ากำปั้น สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอนมีอยู่เพียงเรื่องเดียว คือสอนให้รู้จักผิดถูกชั่วดี มีวินัยและรับผิดชอบต่อ ‘หน้าที่’ 

ตอนผมอายุได้ 12 ปี ผมมีความรักในเสียงเพลง แบบรู้จักนักร้องแทบทุกวง เดือนเว้นเดือนผมจะขอเงินจากคุณแม่ไปซื้อแผ่นเสียง Long Play ส่วนคุณพ่อเวลาเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำธุรกิจ สิ่งที่ผมทำคือเขียน List ฝากให้คุณพ่อซื้อแผ่นเสียงให้ผม โดยผมจะทำอย่างนี้ทุกครั้ง คุณพ่อและคุณแม่สนับสนุนด้วยการไม่ตั้งคำถามเลยว่าการฟังเพลงจะได้ประโยชน์อะไร และกิจกรรมนี้อาจจะส่งผลทางลบกับการเรียน 

นอกจากจะไม่ถามแล้ว ยังยินดีให้ผมสร้างเวทีตัวเอง นอกจากจะให้ผมเพลิดเพลินกับเสียงเพลงที่บ้าน คุณพ่อและคุณแม่ยังให้ผมไปฟังเพลงของวงดนตรีต่างๆ ที่เล่นสดตามสถานที่ต่างๆ ที่วงดนตรีเหล่านี้ไปแสดง ส่วนน้องชายผมอายุได้ประมาณ 13-14 ปี เขาขอเงินจากคุณแม่ไปซื้ออุปกรณ์ Electronic มาทำโน่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา 

สุดท้ายเขาสามารถต่อเครื่องขยายเสียงด้วยตัวเองตั้งแต่เป็น Pre-teen ผมไม่ได้บอกว่าครอบครัวเรามีฐานะ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวชาวบ้านเหมือนคนทั่วไป ผมไม่ได้บอกว่าพวกเราเป็นคนเก่ง แต่ผมกำลังบอกว่าผมกับน้องชายได้รับพรวิเศษจากคุณพ่อและคุณแม่คือ ‘อิสระ’ 

อิสระที่เป็นตัวของตัวเอง ทำให้พวกเรารู้จักตัวเองตั้งแต่เด็ก รู้แบบรู้ที่เนื้อแท้ รู้แก่นแกนความเป็นตัวเรา แล้วมีผลกับคุณภาพชีวิตเมื่อเติบใหญ่ อิสระคือเครื่องมือที่เราทั้งสองคนพัฒนาตัวเองให้ไปไกลเท่าที่จะทำได้ ถามว่าผมได้อะไรจากการรักเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจ 

ประการแรกคือ ภาษาอังกฤษ ทั้งอ่านและพูด ผมเป็นคนที่ฟังเพลงที่เข้าขั้นเหมือนเสพติด ทุกครั้งที่ผมได้แผ่น Long Play มาใหม่ ผมจะอ่านปกแผ่นเสียงและ Liner notes ที่สอดอยู่ในปกแผ่นเสียง ว่าแผ่นนี้วงดนตรีดังกล่าวมีแนวคิดอย่างไรในการผลิตผลงานชิ้นนี้มาอ่านด้วยความสนใจ และแน่นอนที่สุด ผลพลอยได้คือผมได้ภาษาอังกฤษ เพราะผมจะยินดีไปเปิดพจนานุกรมเพื่อค้นหาความหมายของศัพท์ที่ผมไม่เข้าใจ แต่ถ้าเป็นการอ่านหนังสือเรียน ผมไม่แน่ใจว่าผมจะยินดีไปเปิดพจนานุกรมเพื่อค้นหาสิ่งที่ผมไม่รู้ให้เกิดความรู้หรือไม่ 

ประเด็นคือ ถ้าคนเรามีความหลงใหลกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราจะยินดีทำทุกอย่างที่สนใจให้เป็นมรรคเป็นผล ไม่ว่าเรื่องนั้นจะยากสักขนาดไหน 

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้ติดปลายนวมจากการ ‘ฟังเพลง’ คือการพูดภาษาอังกฤษให้มีสำเนียงคล้ายต้นฉบับ เมื่อฟังเพลงแล้วชอบ ผมยกระดับด้วยการฝึกร้องเพลงตามนักร้อง โดยพยายามดัดสำเนียงตัวเองให้คล้ายต้นฉบับให้มากที่สุด ทำอย่างนี้อยู่หลายปี ทำให้เกิดผลในเรื่องการพูดภาษา FM ที่เรียนผ่านเพลง 

เรื่องสุดท้ายที่ผมได้จากเสียงเพลงมันคือต้นน้ำที่ทำให้ผมเกิดความคิดสร้างสรรค์ ความที่ฟังเพลงสี่สิบกว่าปีผมเข้าใจว่าเสียงเพลงน่าจะไปจัดเตรียมเส้นประสาทในสมองซีกขวาผมให้มีความพร้อมในการคิดแบบมีความคิดริเริ่ม และมีจินตนาการ 

ผมขอสรุปเรื่องยาวเป็นประเด็นสั้นๆ คือคนเราเมื่อรู้จักการบริหารจัดการตัวเองตั้งแต่เด็ก รู้จักแก่นแกน รู้จักสร้างเวทีเมื่อเติบใหญ่ เขาจะรู้จักประยุกต์และนำทักษะนี้หยิบไปใช้ในการพัฒนาตัวเอง ขออนุญาตเล่าเรื่องตัวเอง ผมเริ่มต้นจากอาชีพวิศวกร เปลี่ยนไปเป็นนักโฆษณา นักการตลาด และสุดท้ายผันมาเป็นนักยุทธศาสตร์ธุรกิจ ผมถึงมีความเชื่อว่าที่มาของคนเราไม่สำคัญเท่ากับว่าเรามี ‘อิสระ’ รู้จักใช้อิสระในการพัฒนาตนเองให้แหลมคมเท่าที่ศักยภาพที่พ่อแม่ให้มาตั้งแต่เกิด 

นี่คือเครื่องมือที่ดีเยี่ยมในการสร้างทักษะในการบริหารธุรกิจในยุคปัจจุบัน ยุคที่องค์ความรู้และศาสตร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ดังนั้นมันมีความจำเป็นที่คนทำงานและผู้บริหารต้องทำตัวเป็น Rolling stone ที่ต้องเรียนรู้ใหม่ และลบ File ความรู้เก่าที่ล้าสมัย 

สิ่งที่ผมอยากจะสื่อสารกับใครก็แล้วแต่ที่เป็นพ่อคนแม่คน การให้อิสระคือ ‘ยาวิเศษ’ ในการเลี้ยงลูกให้แข็งแรง มีฐานที่มั่นคง เป็นอิสระที่มาพร้อมหลักการชีวิต พร้อมกันนั้นพ่อแม่ต้องรู้จักประคองให้ลูกไม่เดินตกท่อ Don’t manipulate life, let he/she grows ad prospers naturally. อย่าบังคับชีวิต ให้พวกเขาเติบโตและเจริญด้วยความเป็นธรรมชาติ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0