ไมโครเวฟเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่มีประโยชน์มหาศาลทั้งอุ่นอาหารและเครื่องดื่ม แต่ก็มีบางอย่างที่คุณไม่ควรนำไปอุ่นในไมโครเวฟเด็ดขาดเนื่องจากอาจทำให้เกิดไฟไหม้ ละลาย หรือปล่อยสารพิษออกมา เอาล่ะงั้นมาดูกันดีกว่าว่ามีอาหารชนิดใดบ้างที่ควรอยู่ให้ห่างจากไมโครเวฟ
ไข่ทั้งเปลือก
อย่าริทำไข่ต้มในไมโครเวฟเชียวเพราะมันอันตรายมาก! อุณหภูมิที่สูงในไมโครเวฟจะทำให้เกิดไอน้ำภายในไข่พร้อมกับแรงดันซึ่งเป็นเหตุให้ไข่ระเบิดได้ ดังนั้นอย่าเสี่ยงดีกว่า
พริก
สารแคปไซซิน (ตัวกำหนดความเผ็ด) ภายในพริกจะระเหยออกมาเมื่ออุณหภูมิในไมโครเวฟสูงขึ้น แม้ว่าพริกจะไม่ระเบิดแต่กลิ่นของมันก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
นมแม่
จากข้อมูลขององค์การอาหารและยา (FDA) พบว่าการอุ่นนมแม่ด้วยไมโครเวฟจะทำให้ความร้อนไม่สม่ำเสมอกันและอาจลวกเพดานปากของทารกได้
น้ำใส่แก้ว
การต้มน้ำในไมโครเวฟน่าจะสะดวกและรวดเร็วกว่ากาต้มน้ำใช่ไหม? แต่บางครั้งการอุ่นน้ำในไมโครเวฟอาจทำให้น้ำร้อนโดยที่ไม่มีการเดือด ทั้งนี้เมื่อคุณใส่ถุงชาลงไปหรือคนของเหลวภายในแก้วอุณหภูมิจะสูงขึ้นทันทีและอาจทำให้น้ำกระฉอกหรือระเบิดจนกลายเป็นไฟลุกไหม้ใหญ่โตได้
เนื้อสัตว์แปรรูป
การอุ่นเนื้อสัตว์แปรรูปในไมโครเวฟจะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นคอเลสเตอรอล (COPs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดหัวใจ ทางที่ดีคุณควรนำไปอุ่นบนเตาดีกว่า
ผักใบเขียว
ผักเคลและผักชนิดอื่นๆสามารถติดไฟได้เมื่อนำไปอุ่นในไมโครเวฟซึ่งอาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายรวมทั้งอาหารมื้อเย็นของคุณด้วย
น้ำมัน
น้ำมันปรุงอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันคาโนล่า น้ำมันอะโวคาโด้ น้ำมันถั่วลิสง และอื่นๆไม่ใช่ของเหลวแต่เป็นไขมันต่างหาก ดังนั้นการอุ่นน้ำมันจึงทำให้เกิดอันตรายแถมไม่ร้อนอย่างที่คุณต้องการด้วย
ข้าวสาร
ข้าวสารเป็นแหล่งที่อยู่ของสปอร์เชื้อแบคทีเรียอันตรายและการอุ่นไมโครเวฟก็ไม่ร้อนพอที่จะฆ่าสปอร์เหล่านั้นได้ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอาหารเป็นพิษ
องุ่น (และผลไม้ชนิดอื่นๆ)
การนำองุ่นไปอุ่นในไมโครเวฟไม่ใช่ความคิดที่ดี คุณจะไม่มีวันได้ลูกเกดหรือองุ่นอบแต่จะได้เป็นลูกไฟเล็กๆแทน
ซอสพาสต้ามะเขือเทศ
ซอสพาสต้ามะเขือเทศหรือซอสอื่นๆที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศจะมีความเหลวไม่ต่างจากน้ำหากคุณนำไปอุ่นซ้ำในไมโครเวฟ ทางที่ดีคุณควรอุ่นซอสในกระทะด้วยความร้อนต่ำเพื่อให้ซอสยังคงสภาพเป็นซอสและไม่เหือดแห้งไป
เนื้อแช่แข็ง
หากความร้อนไม่กระจายสม่ำเสมอกันคุณก็อาจได้เนื้อที่ร้อนส่วนหนึ่งและยังเย็นอีกส่วนหนึ่งบวกกับเชื้อแบคทีเรียอีกจำนวนหนึ่งด้วย แหวะ!
บร็อคโคลี่
การอุ่นบร็อคโคลี่ด้วยไมโครเวฟจะทำลายสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ คุณควรเลือกใช้วิธีนึ่งแทน
มันฝรั่งที่เหลือ
การเก็บมันฝรั่งที่เหลือไว้อาจทำให้เชื้อโบทูลิซึมเจริญเติบโตและการอุ่นไมโครเวฟก็ไม่สามารถฆ่าเชื้อดังกล่าวได้ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณรับประทานมันฝรั่งเหล่านั้นก็อาจไม่สบายได้เช่นกัน ดังนั้นจงกันไว้ดีกว่าแก้
ผลไม้แช่แข็ง
การนำผลไม้แช่แข็งไปอุ่นในไมโครเวฟเพื่อทำให้น้ำแข็งละลายไม่ใช่ความคิดที่เข้าท่าสักเท่าไหร่นัก สารอาหารที่มีประโยชน์จะกลายเป็นสารก่อมะเร็งและส่งผลกระทบทางภูมิคุ้มกัน คุณควรทิ้งผลไม้แช่แข็งให้ละลายในตู้เย็นช่องธรรมดาแทน
เห็ดที่เหลือ
เห็ดคือเป้าหมายหลักของเชื้อจุลินทรีย์ทั้งหลายในกรณีที่คุณจัดเก็บและอุ่นร้อนด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม พยายามปรุงเห็ดในปริมาณที่จำเป็นเท่านั้นและรีบแช่เย็นทันทีที่ปรุงเสร็จ จากนั้นก็นำไปใส่ในสลัดหรืออาหารจานอื่นที่คุณต้องการรับประทานแบบเย็นๆ
ขนมปัง
การอุ่นขนมปังในไมโครเวฟจะทำให้ขนมปังแข็งและเหนียวแม้แต่เนยแข็งละลายยังช่วยไม่ได้เลย เนื่องจากกลูเต็น แป้ง และน้ำตาลในขนมปังจะทำปฏิกิริยาเมื่อมีการอุ่นไมโครเวฟครั้งแรกและเย็นลง ทางที่ดีคุณควรใช้ฟอยล์ห่อขนมปังและอุ่นร้อนในเตาอบ แม้ว่าจะใช้เวลานานกว่าแต่ก็คุ้มค่า
ของเหลือจากอาหารซื้อกลับบ้าน
สัญลักษณ์ Microwave Safe บนภาชนะจำนวนมากต้องผ่านการทดสอบจาก FDA เพื่อให้มั่นใจว่าตรงตามมาตรฐานทุกอย่างแต่ภาชนะแบบใส่กลับบ้านกลับไม่ตรงตามมาตรฐานดังกล่าว คุณคงไม่อยากนำภาชนะเหล่านั้นไปใส่ไว้ในไมโครเวฟใช่ไหม?
อาหารที่ผ่านการอุ่นร้อนมาแล้วหลายครั้ง
อาหารเหลือต่างๆสามารถแช่ไว้ในตู้เย็นได้นานถึงสี่วัน แต่ทุกครั้งที่คุณอุ่นร้อนหรือแช่เย็นอาหารเหล่านั้นก็จะมีคุณภาพลดลง คุณควรทิ้งไปเลยดีกว่า อย่างไรก็ตามสำนักงานมาตรฐานอาหารของอังกฤษกล่าวว่าคุณควรอุ่นไมโครเวฟเพียงครั้งเดียวเท่านั้นและต้องระวังเนื้อปรุงสุก ลาซานญา และคาสเซอโรล รวมถึงซอสที่มีส่วนผสมของครีมหรือนมเป็นพิเศษด้วย สุดท้ายหากคุณมีข้อสงสัยว่าควรอุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟหรือไม่ ทางที่ดีคุณไม่ควรอุ่นร้อนเลยดีกว่า!