เดิมทีร่างกายของคนเรามีสภาพเป็นด่างและต้องหมั่นดูแลรักษาอยู่เสมอ ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้บริโภคอาหารด่าง 15 ชนิดดังต่อไปนี้เพื่อให้รูปร่างของคุณสมส่วนและมีสุขภาพที่ดี
1. ปวยเล้ง
ปวยเล้งสามารถกำจัดอนุมูลอิสระ บำรุงสมองและหัวใจให้แข็งแรง มีปริมาณไขมันและโคเลสเตอรอลต่ำ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี เค บี6 แมกนีเซียม โปแทสเซียม แคลเซียม สังกะสี เหล็ก และไนอาซิน
2. มะนาว
น้ำมะนาวสามารถลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบรวมถึงช่วยรักษาโรคนิ่วในไตได้ด้วย ข้อดีอีกอย่างของมะนาวคือช่วยในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง ป้องกันอาการท้องผูก และโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้มะนาวยังมีวิตามินอี เอ ซี บี6 และแร่ธาตุอื่นๆอีกมากมาย เช่น สังกะสี แคลเซียม โปแทสเซียม ทองแดง และไรโบฟลาวิน
3. คีนัว
ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด คีนัวเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนเมื่อเทียบกับธัญพืชชนิดอื่นเนื่องจากมีปริมาณเส้นใยมากกว่าสองเท่า นอกจากนี้ยังมีแมงกานีส แมกนีเซียม ไรโบฟลาวิน ไลซีน และเหล็ก
4. ผักสวิสชาร์ด
ผักสวิสชาร์ดช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและบำรุงสุขภาพหัวใจรวมถึงการไหลเวียนของโลหิตด้วย ร่างกายจะปลอดจากเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียที่อันตราย และอนุมูลอิสระ ที่สำคัญผักสวิสชาร์ดคือแหล่งด่างชั้นดีในบรรดาอาหารทั้งหมด
5. บัควีต
ช่วยในการบำรุงหัวใจ ป้องกันโรคเบาหวาน เพิ่มระดับพลังงาน และทำให้ร่างกายอบอุ่น บัควีตจึงเป็นอาหารที่เหมาะแก่การรับประทานในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งวิตามิน ธาตุเหล็ก และโปรตีนชั้นดีด้วย
6. เมลอน
เมลอนจะขับสารพิษออกจากร่างกายพร้อมๆกับทำให้ร่างกายชุ่มชื้นด้วย เมลอนเป็นสุดยอดอาหารด่างเนื่องจากมีค่า pH สูงถึง 8.5 แถมยังมีปริมาณน้ำสูงมากด้วย
7. น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกจะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ อุดมไปด้วยวิตามินอี กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และสารต้านอนุมูลอิสระ
8. กล้วย
หากคุณต้องการลดน้ำหนัก ขอแนะนำให้รับประทานกล้วยเป็นประจำ ผลไม้ชนิดนี้จะช่วยปรับสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด ปกป้องหัวใจ และส่งเสริมระบบย่อยอาหาร ที่สำคัญอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและสารอาหารต่างๆ เช่น โปแทสเซียม แมงกานีส วิตามินบี และแมกนีเซียม
9. เมล็ดแฟล็กซ์
เมล็ดแฟล็กซ์เหล่านี้จะช่วยบำรุงหัวใจ ควบคุมอาการร้อนวูบวาบของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และลดการอักเสบ อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินอี ดังนั้นคุณจึงควรรับประทานทุกวันโดยการบดและใส่ลงไปในอาหารทุกมื้อ
10. กะหล่ำดอก
ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจและมีสรรพคุณต่อต้านการอักเสบ หนึ่งหน่วยบริโภคของผักชนิดนี้จะมีวิตามินมากถึงร้อยละ 77 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยไรโบฟลาวิน โปแทสเซียม แมกนีเซียม วิตามินเค ไทอะมีน และแมงกานีส
11. อะโวคาโด้
อะโวคาโด้จะช่วยในเรื่องการดูดซึมสารอาหารจากผักและผลไม้ ควบคุมระดับโคเลสเตอรอล และบำรุงหัวใจให้แข็งแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้อะโวคาโด้ยังมีเส้นใยอาหาร สารอาหาร และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวด้วย
12. องุ่น
องุ่นจะช่วยลดอาการวิตกกังวลและความดันโลหิตสูง ลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปอด ต่อมลูกหมาก ลำไส้ใหญ่ หลอดอาหาร ตับอ่อน เยื่อบุโพรงมดลูก และปาก เนื่องจากอุดมไปด้วยโพลีฟีนอล (สารต้านอนุมูลอิสระ)
13. แครอท
แครอทสามารถพัฒนากระบวนการคิดและสายตาของคุณได้เนื่องจากอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน (กลุ่มเม็ดสี) ซึ่งจะช่วยปกป้องจากสารอนุมูลอิสระทั้งหลาย ที่สำคัญมีวิตามินเค ซี เอ บี8 เหล็ก โปแทสเซียม และเส้นใยอาหารสูงมาก
14. บร็อคโคลี
ผักชนิดนี้มีสรรพคุณในเรื่องการไหลเวียนโลหิตเนื่องจากอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก บำรุงหัวใจ กระดูก และลดปริมาณโคเลสเตอรอล แถมมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยทองแดง เส้นใยอาหาร โปแทสเซียม วิตามินเค บี6 ซี และอีด้วย
15. เบอร์รี่
เบอร์รี่ช่วยในการบำรุงผิวและสามารถชะลอความชราได้ด้วย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคและบำรุงสมองเพื่อให้ความจำดีเมื่อแก่ตัวลง