ความคืบหน้ากรณีเรื่องราวสุดช้ำใจ เมื่อลูกในไส้รวมหัวกับเจ้าหน้าที่ธนาคารอีก 4 คน ยักยอกเงินในบัญชีในกว่า 250 ล้าน ของนางฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 76 ปี หรืออาม่าฮวย ในขณะที่นอนป่วยรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แต่ถูกลูกสาวและเจ้าหน้าที่ธนาคาร เปลี่ยนเงื่อนไขการเบิกถอนเงินเดิมในบัญชีออมทรัพย์ จากลงลายมือชื่อ เปลี่ยนเป็นพิมพ์ลายนิ้วมือแทน และปลอมหนังสือมอบอำนาจเบิกถอนเงิน และสั่งจ่ายเช็คแทนในบัญชีกระแสรายวัน ถอนเงินออกจากบัญชีไปจนหมดจำนวนหลายร้อยล้านบาท ที่ทีมข่าวอีจันรายงานไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดวันนี้ ( 19 พฤศจิกายน 2562 ) นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ และนางสาวมินตรา ศรีวิรัตน์ หรือเตย หลานสาวของอาม่าฮวย ได้พาอาม่าฮวยไปยื่นฟ้องที่ศาลแพ่งพระโขนง เพื่อเอาผิดนางสาวมาวดี ศรีวิรัตน์ และเจ้าหน้าที่ธนาคารอีก 4 คน เพื่อต้องการเรียกเงินคืนที่โดนยักยอกไปกว่า 350 ล้านบาท
นางสาวมินตรา เล่าว่า ตนเองเป็นหลานสาวของอาม่าฮวย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงประมาณปี 2557 นางสาวมาวดีลูกสาวของอาม่าได้พาตัวอาม่าออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ด้วย แต่อาม่าฮวยไม่อยากไปจึงเขียนจดหมายถึงลูกชายให้มารับกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเก่า ลูกชายจึงแอบเข้าไปเอาตัวอาม่ากลับมาบ้าน โดยอาศัยช่วงที่นางสาวมาวดีไม่อยู่บ้าน ซึ่งหลังจากนั้นอาม่าต้องการดูสมุดบัญชีธนาคารที่อยู่ในตู้เซฟ แต่ตู้เซฟนั้นหายไปทั้งตู้ โดยภายในตู้มีทรัพย์สินอื่นๆ อยู่หลายอย่างพร้อมทั้งสมุดบัญชี จึงโทรเข้าสอบถามกับพนักงานธนาคารว่าเงินในบัญชียังคงเหลืออยู่หรือไม่ ซึ่งพนักงานธนาคารบอกว่า เงินทั้งหมดที่อยู่ในบัญชีออมทรัพย์ บัญชีกระแสรายวัน และบัญชีกองทุนเปิด ได้ถูกถอดถอนออกไปจนหมดบัญชี ซึ่งสางสาวมาวดี เป็นคนถอนออกไป หลังคนในครอบครัวทราบเรื่อง จึงโทรไปทวงเงินคืนจากนางสาวมาวดี แต่กลับได้คำตอบว่าใช้เงินหมดแล้วถ้าอยากได้คืนให้ไปฟ้องร้องเอง
ด้านนายอนันต์ชัย ระบุว่า ตนได้โทรไปขอข้อมูลการเปลี่ยนแปลงเอกสาร และเอกสารการถอนเงินจากธนาคารดังกว่า กลับได้คำปฏิเสธไม่ให้ขอมูล แต่พอตนขู่ว่าจะบอกเรื่องต่างๆ กับสื่อมวลชน ธนาคารจึงให้ความร่วมมือส่งข้อมูลบางส่วนให้กับทนาย จนทราบว่ามีการปลอมแปลงเอกสาร และเงื่อนไขการเบิกถอนเงินจากการลงรายชื่อ เป็นการพิมพ์ลายนิ้วมือแทน โดยมีนางสาวมาวดี เป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงินแทนอาม่าฮวย และมีเจ้าหน้าที่ธนาคารอีก 4 คน คอยช่วยเหลือเบื้องหลัง ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลได้รับฟ้องเป็นคดีอาญาไปแล้วโดยมี นางสาวมาวดี จำเลยที่ 1 และเจ้าหน้าที่ธนาคาร 4 คน
ส่วนวันนี้เป็นฟ้องคดีแพ่งกับจำเลยทั้งหมด โดยศาลแพ่งพระโขนงนัด ไกล่เกลี่ยในวันที่ 13 ธ.ค. 62 และนัดสืบพยานวันที่ 19 ม.ค. 63 เพื่อดำเดินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
