เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ - สื่อฮ่องกงรายงานพ่อแม่ชาวจีนที่อยากให้ลูกๆได้เข้าโรงเรียนนานาชาติแต่แบกรับค่าเทอมที่แสนแพงในแผ่นดินใหญ่ไม่ไหว กำลังมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย แนวโน้มที่ช่วยส่งเสริมตลาดอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น
เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานในประเด็นดังกล่าวเมื่อวันพุธ(15ส.ค.) โดยยกตัวอย่าง เพกกี หวัง คุณแม่ของเด็กหญิงอายุ 10 ขวบและเด็กชายอายุ 6 ขวบ ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปกครองที่ย้ายลูกมาเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีค่าเทอมไม่ถึง 60,000 หยวน(ราว 290,000บาท) หรือราว 1 ใน 4 ของค่าเทอมตามโรงเรียนสองภาษา( bilingual school) ในกรุงปักกิ่ง ที่มีค่าเทอมสูงลิ่วกว่า 240,000 หยวน(ราว 1.1 ล้านบาท)
"โรงเรียนในปักกิ่งมีการเปลี่ยนครูบ่อย แต่ไทยพวกครูมีครอบครัวอยู่ที่นั่น ดังนั้นคณะครูอาจารย์จึงมีความเสถียร" หวังกล่าว "ในปักกิ่ง ลูกๆของฉันต้องไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษหลังเลิกเรียน เนื่องจากไม่มีการคนแวดล้อมพูดภาษาอังกฤษนอกห้องเรียน แต่ในไทยไม่ได้เป็นแบบนั้น"
เธอบอกว่ามีแผนพาลูกๆเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพฯเมื่อโตกว่านี้ ซึ่งค่าเทอมจะเพิ่มเป็นราวๆ 100,000 หยวนต่อปี(ราว 480,000บาท) และเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม เธอได้ซื้อคอนโดมีเนียม 31 ตาราเมตรห้องหนึ่ง ราคา 650,000 หยวน(ราว 3.1 ล้านบาท) เพิ่มเติมจากห้องพักที่เชียงใหม่ วิลลาและแฟลตอีกห้องหนึ่งในพัทยา
รายงานข่าวของเซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ระบุว่า หวัง เป็นหนึ่งในผู้ปกครองชาวจีนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆที่ปลงกับค่าใช้จ่ายตามโรงเรียนนานาชาติท้องถิ่นและการเรียนแบบท่องจำในโรงเรียนรัฐในแผ่นดินใหญ่ และมองไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการศึกษาและการลงทุน
ข้อมูลของเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ระหว่างประเทศของจีน Juwai.com ระบุว่าปริมาณการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ได้เกินจำนวนตลอดทั้งปี 2017 ไปแล้ว ด้วยไทยพุ่งจากอันดับ 3 ของปีก่อน มาเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของผู้ซื้อชาวจีนในปีนี้
เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ระบุว่าค่าเทอมรายเดือน 2,744 ดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 91,000บาท) ตามโรงเรียนนานาชาติของเซียงไฮ้ ปัจจุบันถือว่าสูงที่สุดในโลก ส่วนในปักกิ่งตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยมีค่าเทอมรายเดือนอยู่ที่ 2,519 ดอลลาร์(ราว 84,000บาท) ส่วนในกรุงเทพฯและบาห์เรน อยู่ที่ 1,032 ดอลลาร์(ราว 34,000 บาท) และ 422 ดอลลาร์(ราว 14,000บาท) ตามลำดับ
การศึกษาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผลักให้ชาวจีนออกมาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในต่างแดน เช่นเดียวกับความกังวลต่อความมั่งคั่งที่หดตัวลงภายในประเทศท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินหยวน, ตัวเลขเงินเฟ้อสูงลิ่วและปราศจากทางเลือกด้านการลงทุนที่จะอยู่รอดได้ โดยถัดจากไทย จุดหมายปลายทางด้านการลงทุนของชาวจีนลำดับรองๆลงไปก็มี สหรัฐฯ, แคนาดาและออสเตรเลีย อย่างไรก็ตาม ไทย ถือว่าได้เปรียบชาติอื่นๆ เนื่องจากมีวคามใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์กับแผ่นดินใหญ่และมีราคาถูกกว่า
คริส เดง นักธุรกิจจากเมืองหนานจิง ทางภาคตะวันออกของจีน ซึ่งเดินทางระหว่างจีนและสหรัฐญบ่อยๆ ตัดสินใจซื้อแฟลต 35 ตารางเมตรห้องหนึ่งในกรุงเทพฯ ราคา 1.3 ล้านหยวน(ราว 6.2 ล้านบาท) ในปีนี้ และเผยว่ามีแผนส่งลูกสาวอายุ 2 ขวบ เขาเรียนที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง และเป็นไปได้ที่จะให้เรียนระดับประถมในไทย "ผมอยากให้ลูกสาวโตขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมนานาชาติ"
เดง บอกด้วยว่าเขากำลังพิจารณาลงทุนในไทย ส่วนหนึ่งในทรัพย์สินทั่วโลกของเขา ในนั้นรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯและเมืองอื่นๆในแผ่นดินใหญ่
