วันนี้ (23 ก.ย.61) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า จากการให้สัมภาษณ์ของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมว่ามีหลักฐานการโอนเงินจำนวนมากซึ่งอ้างว่านำไปใช้ในการเคลียร์กับตำรวจ-อัยการคดียาเสพติดนั้น นางชนิญญา ชัยสุวรรณ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด สั่งการให้อัยการผู้เกี่ยวข้องชี้แจงโดยด่วนแล้ว เพื่อสอบหาข้อเท็จจริงว่ามีอัยการคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องตามที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่ โดยจะประสานงานข้อมูลกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ บช.น. โดยเฉพาะคณะกรรมการที่ทำการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพื่อให้ความร่วมมือในการตรวจสอบการทำงาน โดยเฉพาะคดียาเสพติดซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ระดับชาติตามนโยบายอัยการสูงสุด ที่เคยกำชับไปแล้วว่าให้พนักงานอัยการทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ด้วยความสุจริต และเมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วจะได้นำกราบเรียนให้ท่านอัยการสูงสุดทราบต่อไปโดยเร็ว
ด้าน เพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมโพสต์ข้อความว่าวันนี้เวลา 20.00 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะไลฟ์สดเพื่อเผยแพร่คลิปเสียงคลิปใหม่ โดยกล่าวหาว่า เป็นเสียงของทนายชื่อว่า “ตั้ม” เรียกรับเงิน 700,000 บาท กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นลูกความ เพื่อแลกกับการวิ่งเต้นคดีผ่านอัยการ และยังอ้างว่า จะเปิดเผยเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นด้านมืดในวงการกฎหมายด้วย ขณะที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ยอมรับว่า เสียงในคลิปที่ถูกเผยแพร่มาก่อนนี้เป็นเสียงของตนเอง แต่คืนเงินไปหมดแล้ว
สำหรับการตรวจสอบคลิปเสียง “ทนายตั้ม” เรียกรับเงินวิ่งเต้นคดีกับลูกความ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า สภาทนายความฯ เตรียมนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมการถอดถอนตั๋วทนาย เพราะถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง จะถือเป็นการทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 ฐานให้สินบนกับเจ้าพนักงาน ใช้อุบายคุยกับลูกความเพื่อให้ได้ประโยชน์นอกเหนือจากข้อตกลง
โดยข้อมูลจากสภาทนายความฯ พบว่า มีบุคคลที่เรียนจบคณะนิติศาสตร์ถือตั๋วทนายความประมาณ 80,000 คน แต่มีคนทำอาชีพทนายรับว่าความโดยเฉพาะประมาณ 20,000 คน ส่วนการใช้เทคนิคสู้คดีขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล สำหรับค่าจ้างจะใช้การตกลงแบ่งเงิน 5-10 เปอร์เซ็นต์ จากทุนทรัพย์ที่ลูกความฟ้องร้อง ตกลงกับลูกความให้ชัดเจนว่าถ้าชนะหรือแพ้คดีจะให้เงินจำนวนเท่าไหร่และจะไม่เรียกเก็บเพิ่มภายหลัง
ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า ในปัจจุบันอาจจะมีทนายความที่เรียกรับเงินวิ่งเต้นคดี เช่น การเรียกรับเงินจากลูกความจำนวนมากเพื่อนำเงินไปติดสินบนเจ้าพนักงานให้ทำสำนวนคดีให้อ่อนลงเพื่อเป็นช่องทางในการสู้คดีให้ชนะในชั้นศาล โดยขึ้นอยู่กับแนวทางวิชาชีพของแต่ละบุคคล