นอกจากเรื่องปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ที่คนไทยต้องให้ความสนใจ ยังมี ไวรัสอู่ฮั่น หรือ ไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ 2019 (2019-nCoV) ที่ต้องตระหนักและเฝ้าระวังให้ดี เพราะตอนนี้พบผู้ป่วยแล้ว 4 รายในไทย และล่าสุดทางการจีน1ออกมายืนยันแล้วว่าสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้
ไทม์ไลน์ และสถานการณ์ไวรัสล่าสุด
23 มกราคม 2563 ผู้ป่วยไวรัสโคโรน่าในจีนเสียชีวิตเพิ่ม 17 ราย ติดเชื่อเพิ่มอีก 571 คน ทางการจีนสั่งปิดระบบขนสั่งมวลชนในเมือง , พบผู้ป่วยรายแรกที่อเมริกา , พบนักท่องเที่ยวชาวจีน ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่กระบี่ 21 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยรายแรกของไต้หวัน รวมถึง 3 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ เซิ่นเจิ้น และกรุงปักกิ่ง 16 มกราคม 563 พบผู้ป่วยรายแรกของญี่ปุ่น และในวันที่หายดีแล้ว 22 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยในไทยเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 4 ราย (จีน 3 ไทย 1) 13 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยรายแรกในไทย เป็นชาวจีน 12 - 31 ธันวาคม 256 พบผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบรุนแรง ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และทราบว่าไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่เป็นสาเหตุของอาการป่วย
ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019
ไวรัสโคโรน่า เป็นชื่อกลุ่มไวรัสสายพันธุ์แรกสุดพบในปี 2003 อยู่ในกลุ่มเดียวกันของไวรัสโรคหวัดธรรมดา และโรคซาร์สที่เคยระบาดหนักก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจอันตราย ส่งผลให้ถุงลมปอดอักเสบรุนแรง
เชื้อตัวนี้สามารถพบได้ปกติในสัตว์ แต่ในบางกรณีอาจติดจากสัตว์สู่คน รวมไปถึงในคนกับคนแต่ส่วนใหญ่มักมีที่มาจากในสัตว์ จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะสัตว์ป่า เช่น ชะมด ค้างคาว ไก่ป่า และงู เป็นต้น
สำหรับเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ที่ค้นพบ องค์การอนามัยโลก ยังไม่สามารถหาที่มาของเชื้ออย่างชัดเจนได้ แต่สันนิษฐานว่าอาจจะมาจากเนื้อสัตว์ป่าที่ซื้อขายอยู่ ในเขตของตลาดค้าอาหารทะเลอู่ฮั่น ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่พบการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ และมีรายงานว่าสามารถติดจากคนสู่คนได้แล้ว
กรณีติดจากคนสู่คน จะติดจากการถูกไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของคนที่ป่วย
อาการของโรค เป็นแบบนี้รีบไปหาหมอนะ
ด้วยความที่ อาการของผู้ป่วยจากไวรัสชนิดนี้ จะมีอาการคล้ายอาการของไข้หวัดใหญ่ เป็นอย่างมากเลยทำให้การสังเกตได้ค่อนข้างยาก แต่ในเบื้องต้นอาการของโรคในระยะแรกจะเป็นดังนี้
- มีไข้สูงเกิน 37.5 องศา
- มีน้ำมูก
- ไอเจ็บคอ คอแดง
- หายใจหอบเหนื่อย
- รู้สึกผิดปกติขึ้นที่จมูก โพรงจมูก หรือช่องคอส่วนบน
แต่ถ้ามีไข้สูงไม่ลดภายใน 2 วัน แนะนำควรรีบไปหาหมอ เพื่อรีบตรวจหาเชื้อ แม้จะไม่ใช่ไวรัสโคโรน่า แต่อาจจะเป็นไวรัสตัวอื่น เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ตอนนี้มีอยู่หลายสายพันธุ์เลย โดยหากรอช้า อาการอาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้นจนถึงขั้นปอดติดเชื้อ และทำให้ปอดอักเสบได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณมีประวัติเคยเดินทางไปยังเมื่ออู่ฮั่นภายใน 14 วัน หรือเคยไปใกล้ชิดกับผู้ที่มีประวัติเดินในระยะเวลาดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการอย่างเร็วที่สุดค่ะ
การป้องกันไวรัสโคโรน่า
- หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เกิดการระบาดหรือเสี่ยงต่อการระบาดโดยไม่จำเป็น
- สวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในสถานที่ผู้คนแออัด หรืออยู่ใกล้ผู้ที่มีอาการป่วย
- ล้างมือบ่อย ๆ หรือใช้เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ 60% ขึ้นไป
- ระวังการสัมผัสของคัดหลั่งของผู้อื่นที่มีความเสี่ยง เช่น น้ำลาย น้ำมูก เลือด หรือน้ำอสุจิ
- อย่าใช้มือขยี้ตา แคะจมูก แคะปาก
- อย่าเข้าใกล้สัตว์ที่เสี่ยงในการเป็นพาหะของโรค ในที่นี้ถูกสงสัยว่าเป็นค้างคาว
รัฐบาลทำอะไรบ้างกับ ไวรัสโคโรน่า?
- เฝ้าระวังโรค และคัดกรอง และคัดแยกผู้ป่วยที่บินมาจากเมืองอู่ฮั่น จากประเทศจีนใน 4 ท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต
- วินิจฉัย ดูแลรักษา ผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์การสอบสวน
- ส่งต่อผู้ป่วยที่เข้าข่าย เข้าสังเกตอาการ ในห้องแยกความดันลบ
- เฝ้าระวังชุมชุนแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศเมื่อพบนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้แจ้งบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ หรือ สายด่วนกรมควบคุมโรค DDC Hotline 1422
สรุป
แม้ว่าในตอนนี้รัฐบาลจะมีมาตรการป้องกัน คัดกรอง ที่สนามบินอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในไทย แต่อย่างไรก็ตามเราก็ไม่ควรประมาท เพราะไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่จากคนสู่คนได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องรู้จักดูแลป้องกันโรคเบื้องต้นด้วยตัวเอง และหมั่นติดตามข่าวและสถานการณ์ข่าวอย่างใกล้ชิดด้วยนะคะ ซึ่งไพรซ์ซ่าจะคอยอัปเดตอย่างเร็วที่สุดค่ะ
1 https://www.nytimes.com/2020/01/20/world/asia/coronavirus-china-symptoms.html