วันนี้ (21 ก.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมและให้ปากคำต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีพล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธาน ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ชุดจับกุมและพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ว่า มีข้อบกพร่องในการทำสำนวนจนทำให้ น.ส.อาเมเรีย ที่ถูกจับกุมพร้อมแฟนหนุ่มในคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2560 แต่ น.ส.อาเมเรีย ถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดเพียงข้อหาเดียว ส่วนข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดศาลยกฟ้องก่อนจะถูกปล่อยตัว เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา
นายอัจฉริยะ ระบุว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีการวิ่งเต้นคดีกับตำรวจ และมีตัวกลางดำเนินการซึ่งเป็นทนายความ โดยเป็นลักษณะของการไม่ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด และผู้ต้องหาจะได้ลดโทษ โดยมีข้อมูลว่ามีการเบิกเงินสดจำนวนหลายล้านบาทออกจากบัญชีใน จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นที่อยู่ของครอบครัว น.ส.อาเมเรีย ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องเป็นตำรวจประมาณ 2 นาย และพลเรือนอีก 3-4 คน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการเปิดโปงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวทีมีปัญหากับทนายความรายนี้ เพราตนเองได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมมานานหลายเดือน ประกอบกับได้รับการร้องเรียนจากประชาชนถึงพฤติกรรมของทนายความที่มักจะทำคดีเกี่ยวกับยาเสพติด และมีพฤติกรรมลักษณะส่อไปในทางเดียวกันอัจริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นอกจากนี้ ยังจะยื่นหนังสือขอเปลี่ยนตัวคณะกรรมการบางรายในทีมสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้ เพราะทีมสอบสวนไม่ควรมีตำรวจ สน.สายไหม พื้นที่เกิดเหตุเพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ขณะที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความของนางสาวอาเมเรีย ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ระบุว่า ในวันนี้ เวลา 16.00 น. จะเดินทางมาพร้อม น.ส.อาเมเรีย เพื่อนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ใช้ในการต่อสู้คดี ซึ่งคัดมาจากศาล โดยมีการรับรองสำเนาถูกต้องทั้งหมด มายื่นต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไม่ได้เป็นอย่างที่มีการพยายามป้ายสี โดยยินดีให้ตรวจสอบถึงความโปร่งใสในการทำคดีนี้ และขอให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเร่งรัดให้มีการตรวจสอบเพื่อให้ความจริงปรากฎโดยเร็ว
