แกรนต์ แชปป์ส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสหราชอาณาจักรได้แถลงเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ว่า ผู้ที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะในอังกฤษจะต้องมีการสวมใส่อุปกรณ์ที่ปิดบริเวณปากและจมูก เพื่อรองรับมาตรการคลายล็อกที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 มิ.ย.นี้
ขนส่งสาธารณะที่จะต้องมีการควบคุมได้แก่รถบัส, รถราง, รถไฟ, รถโค้ช (รถบัสระหว่างเมือง), เครื่องบิน และเรือเฟอร์รี่ แต่ว่ายังไม่มีการบังคับใช้กับสถานที่แออัดอื่น ๆ อย่างเช่น ร้านค้าที่ขายสินค้าไม่จำเป็น ซึ่งกำลังจะอนุญาตให้เปิดในช่วงเดียวกับที่มาตรการนี้ถูกนำมาใช้
ผู้ให้บริการสามารถปฏิเสธการเดินทางแก่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม หรืออาจจะมีการปรับเงิน อย่างไรก็ตาม เด็กเล็ก ผู้พิการ และผู้ที่มีปัญหาด้านการหายใจจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องสวมใส่ที่ปิดหน้า
ทางรมต.คมนาคมยังย้ำว่าไม่ควรนำหน้ากากทางการแพทย์มาสวม เนื่องจากบุคลากรทางสาธารณสุขยังมีความจำเป็นต้องใช้อยู่ และมีการแนะนำให้สวมใส่หน้ากากที่ทำเองได้ หรือใช้สิ่งที่หาได้ง่ายเช่น ผ้าพันคอหรือผ้าโพกหัว นำมาผูกปิดหน้าให้แน่น
หลังจากคำแถลงดังกล่าวออกมา ทางสมาคมการแพทย์สหราชอาณาจักร (British Medical Association) ได้ตั้งคำถามกลับว่า ทำไมจึงต้องรอให้ถึงช่วงกลางเดือนก่อนค่อยบังคับใช้ เพราะถ้ามาตรการนี้ถูกนำมาใช้ทันทีจะช่วยลดการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ได้มาก
สมาคมแพทย์ดังกล่าวยังเสริมว่ามาตรการนี้ควรถูกนำไปใช้กับสถานที่สาธารณะอื่น ๆ ที่ยากต่อการเว้นระยะห่างทางสังคม อีกทั้งยังได้แนะนำให้รัฐบาลแจกหน้ากากฟรีให้กับประชาชนด้วย
จากการสำรวจของ เดอะ การ์เดียน (The Guardian) ในลอนดอน แมนเชสเตอร์ และกลาสโกว พบว่า มีผู้สวมหน้ากากบนขนส่งสาธารณะน้อยกว่า 40% โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและชายวัยกลางคน ที่มีอัตราการสวมใส่น้อยที่สุด แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการแนะนำให้ทำเช่นนั้นก็ตาม
