โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

อะไรนะ ญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มทำเรื่อง QR Payment

Rabbit Today

อัพเดต 17 ธ.ค. 2561 เวลา 15.05 น. • เผยแพร่ 17 ธ.ค. 2561 เวลา 15.05 น. • หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์
QR-Payment-Japan-tech-toys-Rabbit-Today-banner

ในขณะที่บ้านเรากำลังเริ่มมีความสุขสนุกกับการใช้จ่าย ค่าแท็กซี่ ค่าอาหาร และการซื้อสินค้าต่างๆ ด้วย QR Code ผ่านการสแกนด้วยสมาร์ตโฟน แล้วกำลังคิดว่าบ้านเรานี่ช่างล้าหลังเสียเหลือเกิน เรื่องแบบนี้ใครเขาคงทำกันเป็นเรื่องปกติกันทั่วโลกแล้วละก็ ขอให้คิดใหม่กันได้เลย เพราะเรื่องของ QR Payment นั้นเพิ่งจะเริ่มต้นในประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่ได้ชื่อว่าไฮเทคที่สุดประเทศหนึ่งอย่างญี่ปุ่น ตอนนี้การใช้จ่ายที่ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุดคือการใช้เงินสด หากเราสังเกตจะพบว่า ไม่ค่อยคุ้นตากับการที่เห็นคนญี่ปุ่นใช้โทรศัพท์มือถือแตะหรือสแกนเพื่อทำการจ่ายเงินโน่นนี่นั่นกันสักเท่าไร แต่ภาพคุ้นตาจะเป็นการแตะบัตรจ่ายมากกว่า 

ซึ่งบัตรที่ว่าก็มักจะเป็นบัตรที่รวมความสามารถหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการชำระค่าเดินทางรถไฟฟ้าทุกสาย ทุกสี การใช้จ่ายค่ารถเมล์ จ่ายค่าซื้อของในร้านสะดวกซื้อ เรื่อยไปจนถึงใช้เป็นกระเป๋าเงินของเด็กนักเรียน โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องห่วงเรื่องการพกเงินค่าขนมของลูกๆ ส่วนการใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร ก็จะเลือกใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต

ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็คือประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น เขาเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีความเสถียรสูงที่สุดในเวลานั้นไปเรียบร้อยแล้ว และเทคโนโลยีนั้นก็ได้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน สาเหตุหลักก็คือ คนญี่ปุ่นคุ้นเคยกับการใช้งานระบบ NFC (Near-field Communication) มานานแล้วนั่นเอง อยู่ๆ จะให้เปลี่ยนไปใช้การจ่ายเงินผ่าน QR Code อะไรได้อย่างไร เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น คุณจะเจอเรื่องแบบเดียวกันนี้ที่สิงคโปร์และที่ฮ่องกงด้วย จึงพอที่จะสรุปได้ว่า สำหรับประเทศที่พัฒนามานานแล้ว ส่วนใหญ่จะอยู่กับระบบ NFC มากกว่า

ส่วนประเทศที่กำลังพัฒนา และประเทศที่พัฒนาเมื่อไม่นานมานี้ ก็จะมีรูปแบบของการใช้จ่ายเงินที่ต่างออกไป เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น อย่างเรื่องของอินเทอร์เน็ต กว่าบ้านเราจะได้ใช้ความเร็วของอินเทอร์เน็ตกันเหมือนอย่างทุกวันนี้ เราต้องผ่านความเร็วมาหลายระดับ เริ่มกันตั้งแต่แบบหมุนโมเด็มผ่านสายโทรศัพท์ กว่าจะกลายเป็นความเร็วระดับกิกะบิตอย่างทุกวันนี้ เราใช้เวลานานมาก ต่างจากเวียดนาม ที่ได้เริ่มใช้งานอินเทอร์เน็ตกันในระดับกิกะบิตตั้งแต่แรกเกิดกันเลยทีเดียว

เช่นเดียวกับประเทศจีน ที่มีการก้าวกระโดดด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว บวกกับความใจกว้างและสั่งได้แบบไม่ต้องเกรงใจใครของรัฐบาล ที่กล้าเปิดโอกาสให้กับ Tencent และ Alibaba ได้พัฒนาระบบจ่ายเงินจนทำให้เกิดบริการรับจ่ายเงินอย่าง WeChat และ Alipay เกิดขึ้น จนตอนนี้กลายเป็นระบบจ่ายเงินที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดระบบหนึ่งของโลก งานนี้จึงไม่เหลือที่ว่างให้กับเรื่องของบัตรเครดิตในประเทศจีนกันเลยทีเดียว

และเมื่อโลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในหลายๆ เรื่อง ธุรกิจแบบเดิมเริ่มจะอยู่ไม่ได้ และอาจถึงขั้นต้องล้มหายตายจากกันไปเลยทีเดียว โดยเฉพาะโลกของการเงินกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับที่ไม่อาจจะคาดการณ์ได้ ทำให้บริษัทโอะริงะมิอิงค์ ของญี่ปุ่น ทำการจับมือกับพันธมิตรจำนวนมาก เพื่อเร่งสร้างความนิยมในการใช้จ่ายในรูปแบบ QR Payment เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องทำการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของระบบการจ่ายเงินก็คือ ความต้องการข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ซึ่งในระบบเดิมไม่สามารถนำเอาข้อมูลไปใช้งานทางด้านธุรกิจได้ดีพอ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการเข้าถึงข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้าในระดับที่ลึกกว่า เพื่อนำไปทำการต่อยอดทางธุรกิจได้ ซึ่งกลุ่มของพันธมิตรที่เข้าร่วมสนับสนุนการใช้จ่ายในรูปแบบ QR Payment ผ่านทางสมาร์ตโฟน มีเป้าหมายร่วมกันคือ ต้องการทำให้คนญี่ปุ่นเลิกใช้เงินสดให้ได้

ซึ่งเรื่องนี้เราคงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง ประเทศไหนจะเข้าสู่รูปแบบของการใช้จ่ายเงินแบบ Mobile Payment ก่อนกัน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0