กรมการค้าภายใน ระบุราคาน้ำมันปาล์มขวดต้องไม่สูงเกินขวดละ 42 บาท เพราะผู้ค่ายังใช้สต๊อกเก่าที่ต้นทุนปาล์มต่ำ ขณะที่ผลผลิตฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาด ก.พ.นี้ ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มขวดไม่น่าสูงขึ้นอีก แต่ยืนยันปีนี้เป็นปีทองชาวสวน ปาล์ม หลังรัฐกำหนดบี 10 เป็นน้ำมันมาตรฐาน ใช้ไปผลิตไฟฟ้า คุมเข้มนำเข้า แย้มราคาประกันปีนี้ 4 บาท รัฐคงไม่ต้องจ่ายส่วนต่างชดเชย
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดเพื่อการบริโภคปรับสูงขึ้น ตามต้นทุนผลปาล์มสดที่สูงขึ้นมาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 7.00-7.20 บาท และทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) สูงขึ้นมากว่า กรมได้ติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด และขอให้ผู้บริโภคเบาใจว่าน้ำมันปาล์มขวดมีเพียงพอต่อการบริโภค เพราะขณะนี้สต๊อกซีพีโอ ของไทยอยู่ในระดับที่เหมาะสมประมาณ 300,000 ตัน ซึ่งเพียงพอต่อการบริโภคและใช้ในอุตสาหกรรม ส่วนราคาน้ำมันปาล์มขวดที่สูงขึ้นนั้น ปัจจุบันยังไม่เกินขวดละ 42 บาท ซึ่งเป็นเพดานสูงสุดที่กำหนดไว้ ยกเว้นในพื้นที่ห่างไกล ที่อาจจะมีภาระต้นทุนค่าขนส่งอยู่บ้าง
“ตอนนี้ผู้ค้ายังตรึงราคาอยู่ได้ เพราะสต๊อกเก่า ที่ซีพีโอยังมีราคาถูกกว่าปัจจุบันยังมีอยู่ ทำให้ราคาไม่ปรับสูงขึ้นตามผลปาล์มสด และผู้บริโภคยังมีทางเลือกบริโภคน้ำมันอื่น อย่างน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว ขณะเดียวกัน ผลผลิตปาล์มน้ำมันฤดูกาลใหม่ กำลังจะออกสู่ตลาดประมาณกลางเดือน ก.พ.63 ทำให้มีซีพีโอเข้ามา เติมในสต๊อก ดังนั้น ราคาน้ำมันปาล์มขวดจะไม่สูงมากเกินราคาเพดานที่ขวดละ 42 บาทแน่นอน”
สำหรับผลปาล์มสดที่กำลังจะออกสู่ตลาดนั้น อาจทำให้ราคาผลปาล์มลดลงบ้าง แต่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง เพราะมาตรการรัฐบาลที่มีอยู่สามารถ ช่วยผลักดันราคาให้สูงขึ้นได้ โดยเฉพาะการกำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐานของ ประเทศ และกำหนดให้ทุกสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) ทุกแห่งจะต้องจำหน่าย บี 10 ภายในเดือน มี.ค.63 จากปัจจุบันที่ติดตั้งหัวจ่ายไปแล้วประมาณ 2,000 ปั๊ม จึงจะช่วยดึงซีพีโอออกจากระบบได้มาก
นอกจากนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังเร่งรัดซื้อซีพีโอไปผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าอีก โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการส่งออกซีพีโอให้ กฟผ.อีกประมาณ 900,000 ตัน จากก่อนหน้านี้ ใช้ไปแล้ว 160,000 ตัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่ง ที่จะช่วยลดปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบให้อยู่เหมาะสม และผลักดันให้ราคาสูงขึ้นได้
ส่วนการป้องกันการลักลอบนำเข้า ได้ตั้งชุดเฉพาะกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับตาและตรวจสอบการลักลอบตามพื้นที่เสี่ยงทั้งทางบก ทางทะเล หรือด่านที่มีข้อมูลว่าจะมีการลักลอบนำเข้า ทำให้ป้องกันการลักลอบนำเข้าได้ และได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กำหนดด่านที่จะอนุญาตการนำเข้าได้เพียง 3 ด่านคือ ด่านมาบตาพุด ด่านกรุงเทพฯ (คลองเตย) และแหลมฉบัง ส่วนการขออนุญาตนำเข้าเพื่อข้ามแดนส่งต่อไปยังอีกประเทศหนึ่ง กำหนดให้นำเข้าได้ด่านเดียว คือ ท่าเรือกรุงเทพฯ (คลองเตย) เท่านั้น และกำหนด ด่านปลายทางที่จะนำผ่านไปยังแต่ละประเทศด้วย เพื่อป้องกันการนำเข้ามาและไม่มีการนำออกจริง
“ขณะนี้ที่มีข่าวว่า ไทยจะนำเข้าซีพีโอนั้น ขอให้ลืมไปได้เลย เพราะรัฐบาลยังไม่มีใครหารือกันในเรื่องนี้ เป็นการนำเสนอข่าวของคนบางคน บางกลุ่ม ไม่มีมูลความจริง หน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่มีใครเคยพูดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ โดยผลจากมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาล คาดว่าในช่วงฤดูการผลิตที่เหลือของปีนี้ รัฐบาลอาจไม่ต้องจ่ายส่วนต่างรายได้ให้กับชาวสวนปาล์ม ตามในโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม เพราะราคาผลปาล์มน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่องกว่าราคาประกันที่ กก.ละ 4 บาท”.
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- กรมการค้าภายในออก 9 มาตรการดูแลปีทองผลไม้ไทย
- “จุรินทร์” มุกฝืดแก้ปัญหาซาเล้ง เสนอให้หามาตรการจัดการกันเอง
- แนะเอกชนเร่งปรับตัวสู้โลก ชี้ประเทศไทยเผชิญความเสี่ยงรอบใหม่
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath
