กระทรวงการคลังเปิดให้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้รับ เงินเยียวยา เดือนละ5,000 บาท เป็นเวลา3 เดือน โดยเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์“เราไม่ทิ้งกัน.com” ตั้งแต่6 โมงเย็นของวันเสาร์ที่28 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะมีคนลงทะเบียน3 ล้านราย กลายเป็นเกือบจะแตะ20 ล้านราย หลังจากเปิดลงทะเบียน3 วัน
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่เข้าข่ายจะได้รับเงินเยียวยาเดือนละ5 พันบาทนั้น กำหนดให้ผู้ยื่นลงทะเบียนจะต้องมีสัญชาติไทยและมีอายุ18 ปีขึ้นไป ต้องเป็นแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว หรือประกอบอาชีพอิสระ ต้องไม่อยู่ในระบบประกันสังคมตามมาตรา33 และต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ถ้าท่านอยู่ในระบบประกันสังคมตามมาตรา33 ท่านก็ไม่ควรเสียเวลาไปลงทะเบียนให้เป็นภาระเจ้าหน้าที่ที่ต้องตรวจสอบหรือผู้สูงอายุบางท่านบอกว่าได้รับเงินเดือนจากลูกจากหลานท่านก็ไม่เข้าข่ายเป็นแรงงานลูกจ้างชั่วคราวหรือประกอบอาชีพอิสระช่วยกันลดภาระให้รัฐคนละนิดเพื่อให้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติไวรัสอย่างแท้จริงได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุดดีกว่าค่ะ
เพราะเอาจริงๆเงินเยียวยา5,000 บาทต่อเดือนเป็นจำนวนที่น้อยนิดเมื่อเทียบกับรายได้ก่อนวิกฤติโควิด-19 จะมาเยือนแต่มันช่วยต่อลมหายใจให้กับคนที่กำลังลำบากได้จริงๆ
สำหรับแรงงานที่ได้รับผลกระทบ และได้รับ เงินเยียวยา จำนวน5,000 บาท เป็นเวลา3 เดือน อยากให้ตั้งหลักแบบนี้ค่ะ
หนึ่งคือต้องใช้เงินก้อนนี้เพื่อการยังชีพหรือเลี้ยงชีพจริงๆใช้เป็นเงินสำหรับกิน สำหรับใช้ หรืออาจจะเรียกว่า ใช้เป็นเงิน“ประทังชีวิต” ก็ได้ ต้องคำนวณให้ดี วางแผนใช้จ่ายเป็นรายวันค่ะ ว่า เดือนละ5,000 บาท ใช้ได้วันละ166 บาท จะกินจะอยู่ยังไง ก็ต้องอยู่ให้ได้ภายในงบนี้
ซึ่งถ้าตัวคนเดียว ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องออกจากบ้านไปทำงานอาจจะไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่ถ้าคนเดียวต้องเลี้ยงหลายปากหลายท้อง ก็อาจจะติดขัดมากอยู่ แต่ก็ต้องยึดหลักอดทน เพราะความเดือดร้อนรอบนี้แผ่ซ่านไปถ้วนทั่วจริงๆ ค่ะ
สองกรณีที่เป็นหนี้ต้องเจรจากับเจ้าหนี้ขอพักชำระหนี้ทั้งหมดค่ะหนี้นอกระบบก็ต้องคุยกันกับเจ้าหนี้ว่า เราติดขัดจริงๆ รายได้ไม่มี ร้านเปิดไม่ได้ ขายของไม่ได้ ถ้าเจ้าหนี้ไม่ลดราวาศอกก็อาจจะต้องหาทางร้องหน่วยงานรัฐ อาทิ ศูนย์ดำรงธรรม หรือแม้กระทั่งค่าเช่าบ้าน ก็ต้องเจรจากับเจ้าของบ้านเลื่อนการชำระออกไปก่อน
ขณะที่หนี้อื่นๆ นั้น ให้ติดต่อกับสถาบันการเงินเจ้าของหนี้ เพราะล่าสุดสมาคมธนาคารไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้แบบเร่งด่วน ลองเช็คตามลิสต์นี้ดูก็ได้ค่ะ
กรณีสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อหมุนเวียน: ธนาคารพิจารณาปรับลดวงเงินการผ่อนชำระต่องวดลง เหลือ5% ในปี2563-2564 จากปกติอยู่ที่10% จากนั้นผ่อนชำระเพิ่มเป็น8% ในปี2565 และผ่อนชำระเป็นปกติที่10% ในปี2566 พร้อมกันนี้ ลูกหนี้ยังสามารถที่จะเลือกแนวทางแปลงหนี้เป็นหนี้ระยะยาวได้ด้วย
กรณีสินเชื่อส่วนบุคคลที่ผ่อนชำระเป็นงวดและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ: ธนาคารพาณิชย์พิจารณามาตรการช่วยเหลือ เช่น การเลื่อนชำระเงินต้นดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา3 เดือน หรือการลดวงเงินผ่อนชำระ30% เป็นระยะเวลา6 เดือน
กรณีสินเชื่อเช่าซื้อ: ประกอบด้วยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ ที่มีวงเงินไม่เกิน3.5 หมื่นบาท และสินเชื่อรถทุกประเภทที่ราคาไม่เกิน2.5 แสนบาท ธนาคารพิจารณาเลื่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา3 เดือน
กรณีสินเชื่อลิสซิ่ง: สินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร โดยมีมูลหนี้คงเหลือไม่เกิน3 ล้านบาท ธนาคารพิจารณาเลื่อนหรือพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา3 เดือน
กรณีสินเชื่อบ้าน: สำหรับวงเงินไม่เกิน3 ล้านบาท ธนาคารพิจารณาพักชำระเงินต้น เป็นเวลา3 เดือน
กรณีสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์: ที่มีวงเงินไม่เกิน20 ล้านบาท ธนาคารพิจารณาพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา3 เดือน
มาตรการที่ออกมานี้ สมาคมธนาคารไทยระบุว่า เป็นการลดภาระโดยที่จะออกมาจะไม่มีผลต่อสถานะทางการเงินของลูกค้า หรือการบันทึกประวัติทางการเงินตามแนวทางของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิต บูโร แต่อย่างใด และใช้สำหรับช่วยลูกหนี้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล เช่าซื้อ ลีสซิ่ง สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งยังไม่เป็นหนี้ค้างชำระเกินกว่า90 วัน หรือถูกจัดเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) มีผลตั้งแต่งวดการชำระหนี้ วันที่1 เมษายน2563 เป็นต้นไป
ย้ำเหมือนเดิมว่าสำหรับคนที่ยังพอมีกำลังผ่อนชำระได้ตามปกติและมีเงินสดสภาพคล่องสำรองพอสำหรับใช้จ่ายอีก3-6 เดือนคุณก็ผ่อนชำระตามปกติ ไม่ต้องรับ เงินเยียวยา เพราะมาตรการที่สถาบันการเงินผ่อนผันให้นั้นส่วนใหญ่เป็นการ“พักเงินต้น” แต่ไม่ได้พักดอกเบี้ยดังนั้นดอกเบี้ยยังเดินตามปกติ(และอาจจะพอกทวีคูณเมื่อเรากลับมาผ่อนชำระอีกครั้งหนึ่ง)
ถ้าจะช่วยลูกหนี้จริงๆแบงก์ต้องพักชำระหนี้ทั้งต้นและดอกขณะที่สินเชื่อบัตรเครดิตที่ลดอัตราการจ่ายขั้นต่ำลงลูกหนี้ก็ต้องระวังเรื่องดอกเบี้ยเช่นเดียวกันดังนั้นอย่าผลีผลามพักชำระหนี้ตามมาตรการช่วยเหลือแบบไม่คิดหน้าคิดหลังยกเว้นแต่ว่าเราหมดทางแล้วจริงๆเท่านั้น
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : 5 ข้อต้องรู้ก่อนลงทะเบียน “เราไม่ทิ้งกัน” ไม่มีสิทธิรับเงิน มีโอกาสถูกเรียกเงินคืน!!