โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

อยู่ร่วมกับความขี้เกียจอย่างไร ไม่ให้มันมาทำลายเป้าหมายของเรา

Horrorism

อัพเดต 10 มี.ค. 2563 เวลา 00.00 น. • เผยแพร่ 10 มี.ค. 2563 เวลา 07.40 น. • Horrorism

 

       ต้นปีอย่างนี้ เป็นช่วงเวลาที่เราตั้งเป้าหมายล้านแปดในชีวิตอีกครั้งทั้ง ๆ ที่เป้าหมายของปีที่แล้วยังทำไม่หมดเลย แต่พวกเราก็ให้โอกาสตัวเองเสมอในปีต่อไป เราเชื่อว่ามีคนที่ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ แต่เปอร์เซ็นส่วนใหญ่นั้นทำตามเป้าหมายได้เพียงแค่ต้นปีก็กระโดดออกข้างทางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพราะ เป้าหมายเราเยอะเกิน ยากไป หรือมันมีอุปสรรคใด ๆ ทั้งหลายมาขวางกั้น แต่เธอเชื่อเราไหม ไอเจ้าตัวปัญหาหลัก ๆ เลยมันก็คือ ความขี้เกียจนี่แหละ

 

ที่มาของภาพ : freepik.com

 

       แล้วทำยังไงถึงจะไม่ขี้เกียจคำถามที่ยากที่สุดในโลกสำหรับหลาย ๆ คน เราจึงพยายามค้นหา เพื่อมาทำความเข้าใจและจัดการกับความลึกลับซับซ้อนของคำว่า ขี้เกียจ ให้อยู่ร่วมกับมันได้ โดยไม่ปล่อยให้มันมาทำลายเป้าหมายเรา

 

ที่มาของภาพ : thestandard

 

ที่มาของภาพ : thestandard

 

       ก่อนอื่นเลยเราอยากแชร์ วิธีที่เริ่มได้ผลกับตัวเองจากการฟัง Podcast The standard รายการ คำนี้ดี ที่จัดโดยคุณบิ๊กบุญ ภูมิชาย บุญสินสุขและความสุขโดยสังเกต ที่จัดโดย คุณสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์หรือที่เรารู้จักกันดีในนามปากกา นิ้วกลม เราได้นำเอาคำแนะนำต่าง ๆ มาปรับใช้ และได้แง่คิดใหม่ ๆ จึงอยากนำมาเล่าให้ทุกคนลองคิดตามกัน

       จากที่ได้อ่านและฟังมานั้น ความขี้เกียจเป็นเพียงหนึ่งใน นิสัย’ ของคนเรา เพราะนิสัยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดี

       นิสัยอาจเกิดจากความเคยชินและกิจกรรมที่เราทำแล้วมีความสุข สิ่งเหล่านี้จะทำให้สมองจดจำและบันทึกไว้ว่าเป็นสิ่งที่เราทำ แล้วไม่ต้องใช้พลังงานสมองที่สั่งให้ลุกไปทำเยอะ ไม่ต้องฝืนตัวเองแถมยังมีความสุขอีกต่างหาก กิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุขของแต่ละคนก็คงไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น การดูซีรีส์ ดูคลิปตลก ๆ ใน Youtubeการกินของอร่อย ๆ ที่เราชอบ หรืออาจจะเป็นการอ่านหนังสือของคนที่รักในการอ่านก็ได้

 

ที่มาของภาพ : thestandard

 

       จาก the Standard Podcast รายการ ความสุขโดยสังเกต EP.22 วิธีทำให้ ‘เป้าปีใหม่’ เป็นจริง ด้วยการเปลี่ยนแปลงแค่ 20 วินาทีเขาได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่า

       ยิ่งเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งบ่อย ๆ ให้สมองได้รับรู้และชินไปกับคำสั่ง ในครั้งต่อ ๆ ไปที่เราสั่งการสมอง มันก็จะง่ายขึ้น และทำให้เราเริ่มทำในสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้นเรื่อย ๆ คำสั่งในสมองจะทำงานได้เร็วขึ้น ไอ้สิ่งที่เคยยากก็ไม่ยากเหมือนเดิมแล้ว แถมไม่ต้องใช้สมาธิเท่าเดิมด้วย เพราะสมองเรามันฝึกได้ เรียนรู้ได้ และที่สำคัญคือการฝึกฝนของสมองไม่มีจำกัดอายุ

 

       อีกหลาย ๆ สาเหตุของความขี้เกียจที่น่าคิดตามมาก ๆ จากรายการ คำนี้ดี EP.148 ‘ต้องทำยังไงถึงจะหายขี้เกียจ’ #คำถามนี้ดี เมื่ออ่านแล้วอาจจะรู้สึก “เอ๊ะ จริงด้วย เราก็เป็นแบบนี้นี่นา” ก็คือ…

  • การพูดว่า “ฉันขี้เกียจ” ที่เหมือนบ่นผ่าน ๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีกับสมองเรา เพราะเหมือนเรากล่อมสมองให้มันคิดไปแบบนั้น บางคนคิดว่า ‘ขยัน’มันไม่เท่ ตั้งใจอ่านหนังสือแล้วไม่เจ๋ง คล้าย ๆ กับการบอกเพื่อนช่วงหน้าสอบว่า “ฉันไม่ได้อ่านหนังสือเลย”หรือ “ขี้เกียจจะตาย อ่านหนังสือไปก็ไม่เข้าหัว”คือถ้าเราเป็นคนที่ขยันมันจะดูเนิร์ดในสายตาเพื่อน เราเลยจะชอบพูดกันแบบนี้ นาน ๆ เข้า สมองมันก็อาจจะเชื่อขึ้นมาก็ได้นะ ว่าเราขี้เกียจ และอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องจริง ๆ

 

ที่มาของภาพ : freepik.com

 

  • หรืออาจเป็นเพราะเรามีเป้าหมายเยอะแยะไปหมด มันมากไปจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี แค่คิดถึงสิ่งที่ต้องทำก็เหนื่อยแล้ว ไม่ทำมันเสียเลยแล้วกัน
  • อีกเหตุผลที่เป็นนิสัยส่วนบุคคลคือ การเป็น Perfectionist คนที่อยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ทำให้คิดไปก่อนว่าถ้าฉันทำให้ดีที่สุดไม่ได้ ก็ไม่ทำเลยยังจะดีเสียกว่า เป้าหมายเราเลยไม่ได้เริ่มเสียที

       เอาล่ะทุกคน ถึงตอนนี้อาจจะเริ่มขี้เกียจอ่านกันแล้ว แต่อย่าเพิ่งปิดล่ะ เราขออีกแค่ 10 นาทีมาเริ่มแก้ไขปัญหาเรื่องนี้กัน

  • ลองทบทวนดูก่อนว่า เป้าหมายของเราชัดเจนพอไหม เรารู้ไหมว่าเราต้องทำอะไรบ้าง และทำไปทำไม ต้องทำเพื่อใครไหม หรือจะทำเพื่อตัวเองก็ได้
  • เมื่อเรารู้เป้าหมายชัดเจนแล้ว การมองเป้าหมายใหญ่ที่เราตั้งไว้มันอาจจะดูยากเกินไป จนไม่อยากทำ จากรายการคำนี้ดี EP.148ได้แนะนำให้ลองแตกเป้าหมายออกมาทีละน้อย แทนที่จะคิดว่าต้องทำให้สำเร็จทั้งหมด ลองค่อย ๆ แยกทำไปทีละเป้าหมาย เมื่อเป้าหมายเล็กที่เราย่อยไว้สำเร็จแล้ว ก็อย่าลืมที่จะชื่นชม ให้กำลังใจตัวเองและให้รางวัลตัวเองด้วยนะ สำคัญมาก ๆ เลย

 

ที่มาของภาพ : freepik.com

 

  • ส่วนที่ยากที่สุดของการเลิกขี้เกียจแล้วลุกไปทำบางอย่าง อยู่ที่ตอนเริ่ม วิธีแก้นี้เราได้จากรายการคำนี้ดี EP.148 คือให้ลองตั้งกฎกับตัวเองว่า ลองฝืนทำไปก่อนแค่ 10 นาที ถ้าครบ 10 นาทีแล้วไม่อยากทำต่อจะเลิกทำก็ได้ แต่คนส่วนใหญ่ที่ได้เริ่มทำแล้ว มักจะทำต่อไปได้เรื่อย ๆ จนสุดท้ายโปรเจคงานหรือคลิปออกกำลังกายที่เราอยากจะทำตามมันก็สำเร็จตามเป้าหมายที่เราวางไว้ แต่ถ้าหากลองทำจนครบ 10 นาทีแล้วไม่อยากทำต่อก็ โอเค เราอาจจะไม่อยากทำมันจริง ๆ งั้นลองมาดูวิธีต่อไปแล้วกันนะ

 

ที่มาของภาพ : freepik.com

 

  • สิ่งแวดล้อมรอบตัวก็สำคัญ ถ้าทุกอย่างมันวางระเกะระกะไปหมด ก็อาจจะทำให้เรามองไปแล้วไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนดี เพราะฉะนั้นจัดทุกอย่างให้เป็นระเบียบ ลองจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ แล้วเอาอันดับหนึ่งมาวางใกล้ตัว ให้เห็นอยู่ในสายตา หรือวางไว้เดี่ยว ๆ ควรทำให้เสร็จทีละอย่าง
  • สำหรับคนที่อยากตื่นเช้าไปออกกำลังกาย เราขอยกตัวอย่างจากรายการ Podcastความสุขโดยสังเกตที่คุณนิ้วกลมเล่าเกี่ยวกับการแก้ปัญหาของเขาไว้ว่า เขาจะให้สัญญากับตัวเองด้วยการกระทำ วิธีของคุณนิ้วกลมที่ทำคือ สวมชุดวิ่งแล้วนอน เหมือนเป็นการสัญญากับตัวเองก่อนเข้านอนว่า พรุ่งนี้เช้าฉันจะตื่นไปวิ่ง เพราะการที่เราจะลุกออกจากเตียง แล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น มันทำให้สมองเราต้องคิดมากเกินไป วิธีนี้ช่วยลดขั้นตอนในการตัดสินใจของสมองได้ดี แทนที่เราจะมัวมานอนคิดว่า “วันนี้จะไปวิ่งดีมั้ยนะ ดีหรือไม่ดี” ก็ไม่ต้องคิดแล้ว ลุกเลย คุณสวมชุดมาขนาดนี้แล้วนะ
  • ควรวางแผน กำหนดวัน ระบุเวลา อย่าให้สมองต้องคิดว่าไม่อยากทำเลย ค่อยทำแล้วกัน แล้วก็เลื่อนมันออกไป เมื่อเรามีตารางเวลาของเราชัดเจนแล้ว ก็ให้ทำตามนั้น ทำเดี๋ยวนี้ ทำทันที!
  • การที่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นว่า “เขาไปถึงไหนกันแล้ว ทำไมเรายังไม่เริ่มเลยสักที”มันอาจจะยิ่งทำให้รู้สึกท้อ แล้วประชดตัวเองด้วยการเลิกทำไปเลย เพราะกว่าจะดีได้เท่าเขาก็อีกไกล ดังนั้นหยุดเปรียบเทียบตัวเองกับใครต่อใครก่อน มองดูตัวเองว่าเราต้องการจะทำอะไร ทำไปเพื่อใคร เพียงแค่เห็นสิ่งที่เขาทำสำเร็จ แต่อย่าลืมว่าเขาเองก็พยายามมาก่อนเช่นกัน มันอาจจะต้องใช้เวลา ซึ่งแน่นอนว่าแค่เราเริ่ม เปอร์เซ็นที่จะสำเร็จมันก็เพิ่มขึ้นแล้ว

 

ที่มาของภาพ : freepik.com

 

       ความขี้เกียจจริง ๆ แล้วเราว่าไม่ต้องกำจัดทิ้งไปก็ได้ ขี้เกียจได้ ไม่ผิด อนุญาตให้ตัวเองขี้เกียจโดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิดบ้าง อย่างเช่นกำหนดเวลาว่าจะอ่านหนังสือหนึ่ง ชม. ก่อนนอน หรือปล่อยให้ตัวเองได้เล่น Facebook โดยไม่รู้สึกผิด 1 ชม. ต่อวัน แต่ช่วงเวลาอื่น ๆ ที่เราไม่ควรเล่น ก็ต้องไม่เล่นจริง ๆ มันจะทำให้เราควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น

       สู้ ๆ นะทุกคน ( ̄▼ ̄)

 

 

ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ : thestandardpodcast/happinessthestandardpodcast/knd

wikihow

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0