เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปผู้หญิงผู้ชายที่ชอบพอกันมักจะเริ่มต้นการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพื่อเรียนรู้นิสัยใจคออย่างที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ได้เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียของการก่อนที่จะตกลงปลงใจแต่งงานกันซึ่งก็นับว่าเป็นข้อดีของการอยู่ก่อนแต่งนะ เพราะบางครั้งถ้าแต่งงานกันไปแล้ว เพิ่งมารู้ว่าอยู่ร่วมกันไม่ได้ถือว่าเสียเวลากันสุดๆ เลย
แต่ด้วยขนบธรรมเนียมของไทยแล้ว การที่ผู้หญิงจะย้ายไปอยู่กับผู้ชายอาจจะโดนมองว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าเราตัดสินใจอยากจะอยู่ก่อนแต่งกับแฟนให้เกิดปัญหาระหว่างเรากับเขาน้อยที่สุด คงต้องมาพิจารณากับเรื่องต่างๆ เหล่านี้กันดูก่อนค่ะ ว่าเราพร้อมแล้วจริงๆ ไหม?
#1. ต้องการอะไรจากการอยู่ด้วยกัน
มาตอบคำถามข้อนี้ด้วยกันก่อนที่จะตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกันเถอะ ว่าที่อยู่ด้วยกันนี่ต้องการแค่เรียนรู้นิสัยของกันและกันว่าไปกันรอดไหม ถ้ารอดก็จะคิดถึงขั้นแต่งงานแต่งการกันลำดับต่อไป หรือแค่อยู่ด้วยกันเพราะฉันอยากใช้ชีวิตกับเธอ แต่ไม่สามารถให้คำตอบได้นะ ว่าอนาคตจะเป็นยังไงต่อไป แค่ใช้ชีวิตด้วยกันให้มีความสุขก็พอ เพราะความต้องการของแต่ละคู่ไม่เหมือนกัน แต่ก็ยังไงก็ควรที่จะมีเป้าหมายร่วมกันนะ
#2. กำหนดเวลาไว้หน่อยก็ดีนะ
ถ้าคุณคาดหวังเรื่องการแต่งงานสร้างครอบครัวจริงๆ ให้กำหนดคร่าวๆ ไปเลย ว่าอยู่ด้วยกันกี่ปีแล้วจะแต่งงาน เพราะหลายๆ คู่ไม่เคยคุย ตกลงกันมาก่อน ทำให้อยู่กันไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตกแต่งกันสักที หรืออย่างน้อยสุด 2-3 ปี ก็กลับมาดูความพร้อมอีกทีนะ อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่กำหนดอะไรเลย ปล่อยไปเรื่อยๆ หรือการไม่กำหนดเวลาอาจทำให้คุณต้องมาพูดคุยเรื่องนี้กันบ่อยเกินความจำเป็นมากไป จนกลายเป็นการกดดันเขามากไปก็ด้วย
#3. ทำใจหากว่าจะต้องย้ายออกสักวัน
ย้ายมาได้ก็ได้ออกได้นะ การย้ายออกจะทำได้ง่ายกว่ามากเนื่องจากว่าเรายังไม่ได้แต่งงานกัน เพราะโอกาสที่จะทะเลาะเบาะแว้งจนไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็นหน้า อยากไปพักใจที่อื่นบ้างอาจจะมีเหมือนกัน คิดเผื่อเอาไว้แล้วหรือยังว่า ถ้ามีช่วงเวลานั้นจะไปอยู่ที่ไหน จะไปพักกับใครได้บ้าง หรือขั้นแย่ที่สุดหากเลิกกันขึ้นมาจริงๆ จะต้องไปอยู่ที่ไหนทำยังไงต่อ และที่พักอยู่ตอนนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาหรือของเรา (หากไม่ใช่ของใครสักคนมาตั้งแต่แรก) จะเก็บเอาไว้หรือขายทิ้ง เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหากันในภายหลังค่ะ
#4. ตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายกันให้ได้ก่อน
การอยู่ด้วยกันก็ย่อมมีค่าใช้จ่ายนอกจากเรื่องของตัวเองด้วยนะ อย่างน้อยก็ค่าเช่าหรือค่าผ่อนบ้าน (ถ้ามี) ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าของใช้จุกจิกต่างๆ เพราะบางอย่างมันก็ใช้ร่วมกันได้ แต่หากต้องซื้อใครจะเป็นคนจ่ายล่ะ หรือว่าจะตกลงแบ่งค่าใช้จ่ายกันยังไง แบ่งกันจ่าย แชร์กันจ่าย เพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ ถ้าไม่ตกลงกันให้ดี อยู่ๆ กันไปอาจจะมีปัญหาในอนาคตได้เช่นกัน
#5. แบ่งหน้าที่งานในบ้าน
อยู่บ้านเดียวกัน แน่นอนว่ามีเรื่องต้องช่วยกันทำให้บ้านสะอาด มีความเป็นระเบียบด้วย ถ้าไม่ตกลงหน้าที่ให้ดีอาจเกิดปัญหาในภายหลังเอาได้ ว่าฉันทำอยู่คนเดียว เธอไม่ช่วยทำเลย ถ้าช่วยกันทำได้ก็จะดีที่สุด แต่ในชีวิตจริงจะทำกันได้หรือเปล่านะ เพราะแต่ละคนก็มักจะมีสิ่งที่ไม่ชอบและไม่อยากทำงานบ้านอยู่เหมือนกันทั้งนั้น หลายๆ คู่ต้องทะเลาะกันจากเรื่องนี้ก็มีมากอยู่นะ ไม่มีใครอยากจะอยู่ในสถานะคนรับใช้กันหรอก
#6. ไม่จำเป็นต้องทำอะไรด้วยกันไปหมด
สิ่งหลักๆ ของคนอยู่ด้วยกันที่ควรทำพร้อมกัน คือ เข้านอน กับกินข้าว เพราะการกินข้าวพร้อมหน้ากันเป็นกิจกรรมของคนที่อยู่ด้วยกันที่มากกว่าเป็น Roommate นะ ส่วนการเข้านอนพร้อมกัน ก็จะไม่เป็นการรบกวนการนอนของกันและกันด้วย ถ้าคนหนึ่งนอนแต่อีกคนหนึ่งยังทำอะไรต่อมิอะไรที่รบกวนการนอนของอีกคนอยู่ มันก็ไม่โอเคเท่าไหร่แน่ๆ
ส่วนนอกนั้นก็ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเวลาเราอยู่คนเดียวก็ได้ ไม่ใช่ว่าฉันทำอะไรเธอต้องมาทำด้วย หรือว่าเธอทำอะไรฉันจะทำด้วยไปเสียหมด ไปไหนก็ไปด้วยแม้บางทีก็ไม่จำเป็นสักนิด แบบนี้จะสร้างความอึดอัดและจะไม่เหลือพื้นที่ส่วนตัวเลยเอาได้ อยู่ด้วยกันแบบเคารพพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันนี่แหละ…ดีที่สุดแล้ว
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่จะทำให้ผ่านการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันได้ เพราะการใช้ชีวิตกับคนที่ถูกเลี้ยงดูมาต่างกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ถ้าเขาถูกเลี้ยงดูมาแบบรักษาความสะอาด มีความรับผิดชอบ ให้เกียรติเราก็คงไม่น่าหนักและเหนื่อยใจเกินไป แต่ถ้าเขายังทำตัวเป็นเด็กที่ต้องมีคนคอยดูแลเสมอก็จะกลายเป็นภาระให้คุณได้ แต่มันก็คือข้อดีของการอยู่ก่อนแต่งนะ เพราะถ้าคุณตัดสินใจจะทดลองแล้ว ก็ใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่า เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราจะเลือกถูกแล้ว หากว่าเขาจะมาเป็นส่วนหนึ่งในอนาคตของชีวิตเราค่ะ
ความเห็น 3
noi
ควรต้องตกลงเรื่องการนอนด้วยกันก่อน ว่าอยู่ก่อนแต่งต้องนอนด้วยกันหรือป่าว หรือ อยู่อย่างเดียว ห้ามนอนกัน ผู้หญิงจะได้ไม่เสียเปรียบ ไม่ใช่ทำแบบเมืองนอก บ้านเมืองเราเรื่องนี้ถือสามาก ผ่านชายมาหลายคน ผู้ชายคนสุดท้ายคงคิดหนัก ว่าเมียตัวเองโดนมาเท่าไรแล้ว ไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์ แต่ถ้า ผู้ชาย รับได้ ซึ่งคงมีไม่กี่คน ก็เอาที่สบายใจ.....สาธุ
23 พ.ย. 2562 เวลา 00.28 น.
Lion ka 89
มันดีสำหรับผู้ชาย แต่ไม่เห็นข้อดีอะไรเลยสำหรับผู้หรับผู้หญิง และยังเขื่อว่าผู้ชายส่วนมากก็คงไม่อยากได้เจ้าสาวของเขาที่เคยผ่านการอยู่ก่อนแต่งมาแล้วกับคนอื่นหรอกนอกจากหล่อนคนนั้นจะมีอะไรต่างๆพร้อมสำเร็จรูปจริงๆ555
22 พ.ย. 2562 เวลา 10.41 น.
Tricia 😘
เอาที่สบายใจเปลี่ยนคู่ทดลองอยู่ไปเรื่อยๆ พอถึงเวลาแต่งจริงแล้ว...มันก็บานนนน จนความจริงปรากฎ "ใครอยากกินของเหลือต่อก็เชิญ"
22 พ.ย. 2562 เวลา 07.09 น.
ดูทั้งหมด