โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

อยากวิ่งเร็วแค่ไหน ก็ต้องไม่ลืมออกกำลังกายด้วย "การเดิน"

HealthyLiving

อัพเดต 17 พ.ค. 2562 เวลา 10.41 น. • เผยแพร่ 17 พ.ค. 2562 เวลา 00.00 น. • Healthy Living
HL_การเดิน_01 (1).jpg

วันนี้ผมอยากมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ "การฝึกวิ่ง" ให้เพื่อนในเพจได้อ่านกันครับ 
มีเพื่อนนักวิ่งซื้อหนังสือ คู่มือทักษะวิ่ง เล่มที่ 2 ไปอ่าน แล้วส่งคำถามมาว่า จะทำยังไงถึงจะวิ่ง 10K ให้ได้ภายใน 60 นาที ตอนนี้วิ่ง 5K ใช้เวลา 60 นาที 
เป็นคำถามที่ดีมากครับ เพราะปัจจุบันมีเพื่อนๆนักวิ่งค่อนข้างเยอะที่อยากวิ่งให้เร็วขึ้น แล้วอยากทำให้ได้เร็วๆ ผมเลยขอเอาคำตอบมาให้ทุกๆคนได้อ่านกันครับ 
แคมป์ฝึกวิ่ง MJ ของผมและโอ เรามีกฎที่ยึดถือไว้ว่า การฝึกวิ่งมีเป้าหมายแรกคือ 
• ทำให้สุขภาพแข็งแรง • มีคุณภาพชีวิตที่ดี • สนุกกับการวิ่ง 
จนต้องแทรกกิจกรรมวิ่งไว้ในตารางชีวิต ทำให้สมาชิกแคมป์ MJ Running เดินทางไปที่ไหนก็จะติดรองเท้าวิ่งไปด้วย ดังนั้นเราสองคนจะให้ความสำคัญกับ พื้นฐานการออกกำลังกายที่ผ่านมาของสมาชิกแต่ละคน รวมไปถึงข้อจำกัดของร่างกาย เช่น การบาดเจ็บ การเป็นโรคที่มีผลกระทบต่อการวิ่ง เพราะนักวิ่งสมัครเล่นไม่ใช่ทุกคนจะเป็นนักกีฬาวิ่ง หรือมีพื้นฐานนักกีฬาเก่งๆกันมาก่อน 
ดังนั้น ก่อนจะเริ่มวิ่ง ผมแนะนำให้เริ่มต้นการฝึกวิ่งด้วย 
"การเดิน" 
ออกกำลังกายด้วย "การเดิน" เป็นวิธีออกกำลังที่ดีมากวิธีหนึ่ง การเดินสบายๆติดต่อกัน 30-40 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ขึ้นไป จะช่วยพัฒนาระบบการทำงานของหัวใจและการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้นอย่างเห็นผลชัดเจน ทำให้ • กระดูกหนาแน่นและแข็งแรงขึ้น• ลดไขมันส่วนเกินที่สะสมใต้ผิวหนังและในพุง• ทำให้กล้ามเนื้อมีพลังและมีความทนทาน• พัฒนาระบบเผาผลาญพลังงานในอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย 
ประโยชน์ของการเดินนอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้ลดความเสี่ยงการเป็นโรคที่ทำให้คุณภาพชีวิตต่ำลง ในคนที่ป่วยเป็นโรคก็สามารถลดภาวะความรุนแรงของโรคลงอีกด้วย 
• โรคที่เกิดกับระบบหัวใจชนิดต่างๆ• โรคเบาหวาน • โรคกระดูกพรุนที่ไม่รุนแรง• โรคความดันโลหิตสูง • โรคไต • โรคอ้วน 
"เดิน" แตกต่างจากการออกกำลังกายชนิดอื่น เพราะการเดินไม่ต้องการความสามารถของร่างกายเหมือน วิ่ง ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษอะไรเหมือน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือ การเล่นกีฬา ทุกๆคนสามารถเดินได้เลยด้วยตัวเอง
การผสมโปรแกรมเดินลงไปในโปรแกรมฝึกวิ่งทำได้ง่ายมากเลยครับ 
โปรแกรมที่ 1 
• ไม่ต้องมีรูปแบบมากำหนดหรือบังคับอะไร ใช้ความรู้สึก สบายๆ เป็นหลัก อย่าฝืนความรู้สึก • เริ่มต้นให้เดินสบายๆ ไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าว่าเดินกี่นาทีหรือวิ่งกี่เมตร ขอให้เดินไปเรื่อยๆ อยากวิ่งให้วิ่ง พอรู้สึกว่าเหนื่อยให้หยุดเดิน พอหายเหนื่อยแล้วอยากวิ่งก็วิ่งต่อ ไม่รู้สึกอยากวิ่งให้เดิน ทำแบบนี้ให้ครบ 30 นาที ทำอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง • ระยะเวลา 1 เดือน
โปรแกรมที่ 2 • เดิน 3 นาที • วิ่ง 2 นาที • ทำซ้ำ 6-7 ชุด • อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง • ระยะเวลา 1 เดือน โปรแกรมที่ 3 • เดิน 2 นาที • วิ่ง 3 นาที • ทำซ้ำ 6-7 ชุด • อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง • ระยะเวลา 1 เดือน 
การฝึกทั้ง 3 โปรแกรมใช้เวลาทั้งหมด 3 เดือน เป้าหมายการฝึก 
• สร้างวินัยในการออกกำลังกาย• เพิ่มความสามารถของร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมที่จะฝึกวิ่ง• พัฒนาระบบการทำงานของ สมอง กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และหัวใจ ให้พร้อมสำหรับฝึกวิ่ง• ไม่ทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการฝึกวิ่งที่เร็วเกินไป หนักเกินไป • แสดงให้คนรอบข้างเห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงที่จะออกกำลังกายอย่างจริงจัง

ถ้าเพื่อนๆในเพจที่มีคนรอบข้างกำลังจะฝึกวิ่ง ลองแนะนำการฝึกวิ่งด้วยการเดินไปใช้เริ่มต้นการฝึกได้นะครับ การฝึกวิ่งไม่ได้ทำให้บาดเจ็บ แต่การฝึกวิ่งที่ไม่เหมาะสมต่อความสามารถต่างหากเป็นจุดเริ่มต้นการบาดเจ็บ และทำให้ไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการ 

ขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากโค้ช MJ จาก MJ Running Camp 

 และในวันที่ 25 พ.ค. 2562 จะมีเวิร์กช็อป "วิ่ง 10k ให้เร็วขึ้น” กับโค้ชโอ และ โค้ช MJ นักวิ่งจะมาเข้าร่วมเวิร์กช็อปด้วยกัน ใช้ 100 แต้ม Healthy Living มาแลกได้เลย สามารถแลกสิทธิ์ได้ที่นี่ Privilege ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้เป็นต้นไป ถึงวันที่ 20 พ.ค. เท่านั้น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0