"พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา" ออกโรงแทน "นายกฯ" ยันไม่เคยว่าคนไทยโง่ หลังส.ส.อภิปรายพาดพิง ด้าน "ชนก" ซัดรัฐบาล "ประยุทธ์" ปรับคนคิดรอพึ่งรัฐบาล - ไม่สร้างโอกาสปชช.
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ช่วงบ่าย รัฐมนตรีหลายคนได้ใช้สิทธิชี้แจงหลังจากที่การอภิปรายของ ส.ส. อภิปรายพาดพิงถึงพฤติกรรมและการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เหมาะสม โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงต่อที่ประชุม ต่อกรณีที่น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ซึ่งอภิปรายพาดพิงแนวคิดการจัดทำงบประมาณที่ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย ตั้งสมมติฐานคนไทยโง่และขี้เกียจ
จึงมีนโยบายแจกขาดการสร้างโอกาส ว่า ฐานะที่ตนอยู่ใกล้ชิดกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ว่าเคยมีคำพูดดูถูกประชาชน โดยเฉพาะคนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า ยืนยันว่านายกฯ ไม่เคยพูดว่าคนไทยโง่ หรือ ขี้เกียจ เพราะนายกฯพูดเสมอว่าคนไทยขาดโอกาส ดังนั้นต้องสร้างโอกาส พร้อมมองด้วยว่าไม่ว่าไปสถานที่ใด หรือ ต่างประเทศ จะพบคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำงาน ขณะที่ระบุว่ารัฐบาลเน้นแนวคิดแจกเท่านั้น ตนรับฟังสิ่งที่อภิปรายและฟังเหตุผล อย่างไรก็ดี เชื่อว่ามีแนวคิดเดียวกันว่าต้องการให้ประชาชนเป็นนกที่บินได้ ไม่อยากแจกปลา เราอยากแจกเบ็ด ซึ่งโครงการไทยนิยมยั่งยืนเป็นตัวอย่างที่สำรวจแล้วพบว่าคนที่มีรายได้ต่ำ ต้องเข้ารับการอบรม และคนบางกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือรัฐบาลได้ช่วยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้ตนยืนยันว่านายกฯ ไม่เคยพูด แต่คนที่อภิปรายเป็นคนเอ่ยขึ้นเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการอภิปรายของน.ส.ชนก ซึ่งทำให้พล.อ.อนุพงษ์ชี้แจงนั้น มีคำอภิปรายตอนหนึ่งที่ระบุถึงการทำนโยบายของรัฐบาลที่เน้นการจ่ายเงิน เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายเงินตามรอบแต่ละเดือน โดยน.ส.ชนก อภิปรายว่าตลอด 5 ปี รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ใช้งบประมาณแผ่นดินที่เปลี่ยนความคิดคนไทย ไม่สร้างโอกาส และทำลายโอกาสเดิม เพราะรอแต่เงินสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกองทุนหมู่บ้านที่ใช้งบประมาณน้อยแต่เกิดประสิทธิภาพสูง ทั้งนี้นโยบายที่เน้นการนำงบบประมาณแจก ไม่สอนให้คิด เชื่อว่าประชาชนไม่ได้รับประโยชน์จากรายจ่ายที่ไม่เกิดประโยชน์
จากนั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ชี้แจงต่อโครงการที่แก้ไขปัญหาน้ำกัดเซาะชายฝั่ง ที่พบว่ามีพื้นที่ที่มีปัญหา รวม 700 กิโลเมตร ล่าสุดแก้ไขแล้ว 640 กิโลเมตร และเหลือพื้นที่ 80 กิโลเมตร ยังไม่ได้แก้ไข โดยส่วนดังกล่าวแบ่งเป็นระดับความรุนแรง คือ รุนแรงมาก 20 กิโลเมตร, รุนแรงปานกลาง 29 กิโลเมตร และรุนแรงน้อย 37 กิโลเมตร ทั้งนี้มีโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งตนยืนยันว่าการทำโครงการต้องประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนดำเนินการด้วย.
