โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

'อนุทิน-มาร์ค'เตรียมรับส้มหล่น!หาก'บิ๊กตู่'สะดุดศาลรัฐธรรมนูญ

ไทยโพสต์

อัพเดต 20 ก.ค. 2562 เวลา 04.27 น. • เผยแพร่ 20 ก.ค. 2562 เวลา 01.23 น. • ไทยโพสต์

20 ก.ค.62 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่มีข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องเพื่อพิจาณาวินิจฉัยวามเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี  ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูฯมาตรา 170 วรรคหนึ่ง(4)  ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 85((15)เพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ กรณีจึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม และมาตรา 82 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2561 มาตรา 7(9) นั้น 

กรณีนี้หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติยกคำร้อง เรื่องก็จะจบลงทันที  พล.อ.เอกประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯต่อไป อย่างไรก็ตามหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ สิ่งที่จะตามมาก็คือจะส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์  มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที  ซึ่งก็หมายถึงต้องพ้นสภาพจากการเป็นนายกฯ   จากนั้นที่ประชุมรัฐสภา ต้องโหวตเลือกนายกฯ กันใหม่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถมีชื่อกลับมาให้ที่ประชุมโหวตเลือกได้อีก ทั้งนี้ถ้าสถานการณ์ไหลไปถึงจุดนั้น โดยช่วงดังกล่าวหากไม่มีการ ยุบสภา เกิดขึ้น พรรคร่วมรัฐบาล 19 พรรค หากยังกุมสภาพกันได้อยู่ ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดเสียงแตกไปจับมือกับขั้วเพื่อไทย ก็ต้องมานั่งตกลงกันว่าจะหนุนใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ โดยที่จะมีเสียง ส.ว. 250 คน คอยเป็นฐานหลักให้ 

ทั้งนี้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ  พรรคที่จะได้ลุ้นดังกล่าว ต้องมี ส.ส.อย่างน้อย 25 คนในสภาฯ และในบรรดาพรรคร่วม 19 พรรค มีเพียงสองพรรคคือพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ที่ส่งชื่อแคนดิเดตนายกฯ ตอนเลือกตั้งคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล.  

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0