บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังของคนไทย ที่เคยมีช่วงเวลาอันสดใส เติบโตแบบก้าวกระโดดอยู่หลายปี เวลานั้นคาราบาวถูกมองว่าเป็น “Growth Stock”แห่งยุคเลยทีเดียว
หุ้น CBG เคยพุ่งขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 108.5 บาท เมื่อเดือนตุลาคม 2560 ขณะเดียวกันแบรนด์คาราบาว ก็ถูกคาดหวังว่าจะก้าวไปสู่ระดับโลก ตามรอยรุ่นพี่อย่างกระทิงแดง (Red Bull) ที่เคยเป็นตัวอย่างความสำเร็จมาแล้ว
แต่จนแล้วจนรอดทำไมวันนี้ ฝันที่หลายคนคาดไว้กลับยังไม่เกิดขึ้นสักที ไม่ว่าจะด้วยราคาหุ้นที่ร่วงลงมาต่ำกว่าหลักร้อย หรือแผนตีตลาดต่างประเทศก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าที่ควรนัก
ภาพรวมธุรกิจคาราบาวกรุ๊ป
CBG หรือ คาราบาวกรุ๊ป เป็น Holding Company ซึ่งลงทุนในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจ ผลิต ทำการตลาด จัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังและเครื่องดื่มอื่นๆ อย่างครบวงจร
“คาราบาวแดง”คือสินค้าเรือธงของบริษัท ซึ่งไม่ได้มีแค่เครื่องดื่มชูกำลังเท่านั้น แต่ยังมีกาแฟผง กาแฟกระป๋อง น้ำเปล่า และเครื่องดื่มเกลือแร่ นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์สินค้าอื่นๆ ที่รับจ้างจัดจำหน่ายให้แก่พาร์ทเนอร์ธุรกิจอีกมากมาย
ผลประกอบการคาราบาวกรุ๊ป 4 ปีย้อนหลัง
ปี 2558 รายได้ 7,874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.96% กำไรสุทธิ 1,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.50%
ปี 2559 รายได้ 10,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.42% กำไรสุทธิ 1,489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.66%
ปี 2560 รายได้ 13,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.23% กำไรสุทธิ 1,245 ล้านบาท ลดลง 16.37%
ปี 2561 รายได้ 14,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.71% กำไรสุทธิ 1,158 ล้านบาท ลดลง 7.00%
คาราบาวมีรายได้ในประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 54.82% และรายได้จากการขายในต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 44.78%
คาราบาวยังขาดอะไร ?
1. ตลาดโลกไม่ง่ายอย่างที่คิด
คาราบาวมีการส่งออกสินค้าไปหลายประเทศทั่วโลก แต่มี 2 ประเทศ ที่เป็นหมุดหมายสำคัญ นั่นคือ จีนและอังกฤษ เนื่องจากจีนมีตลาดใหญ่มากประชากรกว่าล้านคนบริโภคเครื่องดื่มชูกำลัง ส่วนอังกฤษเองก็น่าสนใจมาก ด้วยราคาสินค้าที่ดีกว่าการขายในไทยเป็นเท่าตัว
แต่การประสบความสำเร็จทั้ง 2 ตลาดไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คาราบาวต้องทุ่มงบลงทุนมหาศาล เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เช่น การเป็นสปอนเซอร์สโมสรฟุตบอลในอังกฤษ หรือการสร้างโรงงานในจีน ซึ่งปัญหาคือยอดขายกลับไม่เติบโตตามเม็ดเงินลงทุน อีกทั้งยังไม่สามารถทำกำไรคืนมาได้เลย
2. ส่วนแบ่งตลาดในประเทศลดลง
ตลาดในประเทศ M-150 คือผู้นำตลาด และเป็นคู่แข่งสำคัญที่คาราบาวอยากก้าวข้ามมาโดยตลอด โดยการทำตลาดในประเทศของคาราบาวในสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังในปีล่าสุดนั้นมีส่วนแบ่งลดลง แม้ช่องว่างระหว่างเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 จะหดลง แต่โดนคู่แข่งรายย่อยอื่นๆ ชิงเค้กก้อนนี้ได้มากขึ้น
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปี 2560
M-150 ส่วนแบ่ง 57.7%
คาราบาวแดง ส่วนแบ่ง 21.1%
กระทิงแดง ส่วนแบ่ง 16.3%
อื่นๆ ส่วนแบ่ง 4.9%
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปี 2561
M-150 ส่วนแบ่ง 54.4%
คาราบาวแดง ส่วนแบ่ง 23.2%
กระทิงแดง ส่วนแบ่ง 15.3%
อื่นๆ ส่วนแบ่ง 7.1%
อย่างไรก็ดี หลังราคาหุ้นซึมไปนาน ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2562 CBG กลับมาเป็นหุ้นฮอตอีกรอบ เมื่อราคาวิ่งขึ้นไปทะลุ 70 บาท เรียกว่าปรับขึ้นมากกว่า 100% จากสิ้นปี 2561 ที่ราคาอยู่ระดับ 30.75 บาท
ทั้งนี้ มีปัจจัยบวกมาจากบทวิเคราะห์ต่างๆ ที่พากันปรับเป้าหมายราคา CBG ขึ้นกันถ้วนหน้า เพราะมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้น หลังเข้าชมโรงงานของบริษัท และมองว่าปัญหาต่างๆ ที่ผ่านมาได้รับการแก้ไขแล้ว คาดว่าจะส่งผลให้ปี 2563 คาราบาวกลับมาเติบโตได้เต็มประสิทธิภาพอย่างที่เคยเป็นมานั่นเอง